ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 13 ธันวาคม 2553 - 19 ธันวาคม 2553
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรควรลดความชื้นก่อนเข้าโรงเก็บ เพื่อป้องกันผลผลิตเน่าเสียหาย สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้จะช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ลงไปได้บ้าง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. มีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับลมกระโชกแรงบางพื้นที่ และอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส และมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสภาพโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพมั่นคงและแข็งแรง และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตร ไว้กลางแจ้งเพราะอาจเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากฝนที่ตก สำหรับระยะต่อไปจะเป็นช่วงหน้าแล้ง เกษตรกรที่ปลูกยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ธ.ค. อุณหภูมิลดลง 2-3 องศาเซลเซียสและอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย น้ำจะระเหยมากขึ้น พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานและมีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง ควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง โดยให้น้ำอย่างประหยัดแก่พืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง หากเป็นไปได้ควรให้น้ำตอนกลางคืน เพื่อลดการระเหยของน้ำ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. มีฝนเป็นแห่งๆ ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกรที่จะปลูกพืชไร่ในระยะนี้ ควรมีน้ำสำรองไว้ให้พืชตลอดช่วงการเจริญเติบโต หากพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ผลผลิตลดลง หรือด้อยคุณภาพ ถ้าพืชขาดน้ำรุนแรงจะทำให้ผลผลิตสูญเสียโดยสิ้นเชิง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 16-19 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนทางฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองกระจายและในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. มีฝนตกหนักบางแห่ง ในระยะนี้ภาคใต้ตอนล่างจะมีอากาศชื้น เกษตรกรควรดูสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมในพื้นที่การเกษตร ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สำหรับบริเวณที่สภาพอากาศแห้งโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน สำหรับในช่วงวันที่ 16-19 ธ.ค.บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74