ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 27 ธันวาคม 2553 - 02 มกราคม 2554
ภาคเหนือ
มีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียสและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ และในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. — 2 ม.ค. มีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และอาจมีน้ำค้างแข็งเพิ่มขึ้นในพื้นที่เขาสูงได้อีก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์เล็ก เกษตรกรควรเพิ่มดวงไฟในโรงเรือนหรือทำแผงกำบังลมหนาวให้ด้วย สำหรับบริเวณยอดดอยอาจเกิดแม่คะนิ้งได้ในบางพื้นที่ เกษตรกรในบริเวณดังกล่าวจึงควรป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับพืชผัก ส่วนในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค ผู้ขับขี่ยานพาหนะควรระมัดระวังอันตรายขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.-2 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีอากาศหนาวเย็นลงอีกและลมแรง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เนื่องจากช่วงนี้ลมพัดแรง ผู้ที่จุดไฟผิงให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ควรดับไฟให้สนิททุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในช่วงที่อุณหภูมิน้ำลดลง ปลาจะกินอาหารได้น้อย เกษตรกรควรลดปริมาณอาหาร เพื่อไม่ให้อาหารเหลือตกค้าง และเน่าเสียในบ่อ ส่วนในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค. เกษตรกรควรขับขี่ยานพาหนะในบริเวณที่มีหมอกหนาด้วยความระมัดระวัง
ภาคกลาง
มีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.- 2 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียสและมีอากาศเย็นลงอีก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ระยะนี้มีแสงแดดจัด เกษตรกรสามารถนำผลผลิตของข้าวและพืชไร่ซึ่งเก็บเกี่ยวมาแล้วออกผึ่งแดดให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันเชื้อรา ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชรุ่นใหม่ ควรเลือกพืชที่อายุสั้น และใช้น้ำน้อย นอกจากนี้ควรใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง
ภาคตะวันออก
มีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส และมีลมแรง สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.- 2 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสและมีอากาศเย็นลงอีก ระยะนี้มีแสงแดดจัด ทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต และนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมโคนต้นเพื่อสงวนความชื้นในดิน ส่วนผู้ที่ปลูกพืชไร่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 27-28 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ในช่วงวันที่ 29 ธ.ค. - 2 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ทางตอนล่างของภาค ส่วนทางฝั่งตะวันตกอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 27-28 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และในช่วงวันที่ 29 ธ.ค.-2 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ระยะนี้ทางตอนบนของภาคมีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต ส่วนทางตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 29 ธ.ค. - 2 ม.ค.จะมีฝนเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรป้องกันการเกิดน้ำท่วมขัง โดยจัดทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก อนึ่ง ระยะนี้คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74