ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 31 ตุลาคม 2554 - 06 พฤศจิกายน 2554
ภาคเหนือ
- อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยในช่วงวันที่ 31 ต.ค.-1พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนบนของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส สูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-75%
- สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังฤดูฝน ควรปลูกในช่วงที่สภาพดินยังคงมีความชื้นอยู่ แต่ควรเลือกปลูกพืช ที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง
- ส่วนพื้นที่ซึ่งสภาพอากาศแห้ง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นทรุดโทรม ส่งผลต่อการแตกตาดอกของพืชในระยะต่อไป
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยในช่วงวันที่ 31 ต.ค.- 1พ.ย. มีฝนบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- สำหรับข้าวนาปีที่อยู่ในระยะออกรวง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้พืชเสียหายผลผลิตลดลง
- สำหรับพื้นที่ซึ่งยังคงมีน้ำขัง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่สกปรกหากมีความจำเป็นควรสวมรองเท้าบูท เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน หากต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่อายุ การเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไป จะเข้าสู่หน้าแล้ง
ภาคกลาง
- มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ ชื้นแฉะ เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย และหากพบตัวที่ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มแล้วรีบรักษา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ระบาดไปยังตัวอื่นๆ
- ส่วนพื้นที่ซึ่งยังคงมีน้ำท่วม เกษตรกรควรระวังโรค ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โรคตาแดง และน้ำกัดเท้า รวมทั้งระวังสัตว์มีพิษที่มากับน้ำด้วย
- สำหรับทางตอนล่างของภาค บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา หรือลุ่มน้ำสาขาซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา เกษตรกรควรอพยพสัตว์เลี้ยง และเก็บข้าวของไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง รวมทั้งเตรียมอาหารและน้ำดื่มเอาไว้ให้พร้อม
ภาคตะวันออก
- มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-75 %
- สำหรับสวนผลไม้ หลังจากหมดฤดูฝน เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่ง โดยเฉพาะกิ่งที่ไขว้กัน กิ่งน้ำค้าง และกิ่งที่แมลงทำลาย และงดให้น้ำ เพื่อให้ต้นพักตัวเตรียมแตกตาดอก
- สำหรับพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำที่เชื่อมต่อกับลุ่มน้ำเจ้าพระยา เกษตรกรควรอพยพสัตว์เลี้ยง และเก็บข้าวของไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง รวมทั้งเตรียมอาหารและน้ำดื่มเอาไว้ให้พร้อม
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 31 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไป ส่วนในช่วงวันที่ 1 — 6 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- ระยะนี้ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีปริมาณฝนมากกว่า ทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควร ติดตามเฝ้าระวังสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง
- ฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรขุดลอกคูคลอง และทำทางระบายน้ำ ออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในบริเวณแปลงปลูกพืช ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่าซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
- ในวันที่ 31 ต.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ระยะนี้ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีปริมาณฝนมากกว่า ทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควร ติดตามเฝ้าระวังสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง
- แม้ปริมาณฝนจะลดลง แต่ความชื้นในบริเวณสวนยังคงมีอยู่ดังนั้น เกษตรกรจึงควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลสวน ให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74