ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 09 พฤศจิกายน 2554 - 15 พฤศจิกายน 2554
ภาคเหนือ
ในวันที่ 9 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 10-15 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรง โดยให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน เลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัว ไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับผลผลิตที่ตากไว้กลางแจ้งให้ระวังความเสียหาย เนื่องจากฝนในตอนต้นช่วงวันที่ 9-10 พ.ย.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85 %
- สำหรับช่วงที่อุณหภูมิลดลงรวดเร็ว เกษตรกรควรรักษา สุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกาย ปรับตัวไม่ทัน
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน เลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัว ไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับผลผลิตที่ตากไว้กลางแจ้งให้ระวังความเสียหาย เนื่องจากฝนในตอนต้นช่วงวันที่ 9-10 พ.ย.
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ย. อากาศเย็นทางตอนบนของภาค กับมีฝนบางแห่งในช่วงวันที่ 11-15 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85 %
- สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรงเพื่อไม่ให้เจ็บป่วย
- บริเวณที่ยังคงมีน้ำท่วม เกษตรกรควรระวังสัตว์มีพิษที่มา กับน้ำ รวมทั้งป้องกัน โรคระบบทางเดินอาหาร โรคตาแดง และน้ำกัดเท้า
- สำหรับที่ลุ่มต่ำทางตอนล่างของภาคเกษตรกรควรอพยพ สัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูง น้ำท่วมไม่ถึง และเตรียมอาหาร และน้ำดื่มเอาไว้ให้พร้อม
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ย. อากาศเย็นทางตอนบนของภาค และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เมตรความชื้นสัมพัทธ์ 70-85 %
- ระยะต่อไปปริมาณฝนจะน้อย เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร ในช่วงหน้าแล้ง
- สำหรับชาวสวนผลไม้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเท ได้สะดวก เพื่อให้บริเวณสวนแห้งจะทำให้ต้นไม้พักตัว เตรียมแตกตาดอกในระยะต่อไป
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นไป มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-90%
- ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-14 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%
- สำหรับไม้ผลและยางพาราเกษตรกร ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกัน โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ในช่วงวันที่ 12—15 พ.ย. ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรเดินเรือด้วยความ ระมัดระวัง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดจากคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ได้ให้ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกแล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74