พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 14 พฤศจิกายน 2554 - 20 พฤศจิกายน 2554

ข่าวทั่วไป Tuesday November 15, 2011 06:39 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 14 พฤศจิกายน 2554 - 20 พฤศจิกายน 2554

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. ทางตอนบนของภาค อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่าง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 17-18 พ.ย.มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลงได้เล็กน้อย สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6 -12 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 19 -20 พ.ย. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 60-70 % สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ เพื่อป้องกันสัตว์เจ็บป่วย และปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากระยะนี้สภาพอากาศเย็นและแห้ง ผู้ที่ปลูกไม้ดอกและพืชผักชนิดต่างๆควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นทรุดโทรม ในระยะนี้กลางวันมีแสงแดดจัด เกษตรกรควรตากผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว แต่ไม่ควรตากข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายจากหมอกได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14 -16 พ.ย. และวันที่ 19 -20 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 16 -18 พ.ย. มีฝนเล็กน้อยบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูง สุด 29-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวัน ออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 60-70 % สำหรับในช่วงที่อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน เลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย อนึ่ง เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงหน้าแล้ง

ภาคกลาง

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนมากทางตอนบนของภาคตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 65-75 % สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย สำหรับบริเวณที่น้ำเริ่มลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบปรับปรุงและฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรให้ใช้การได้ดังเดิม และควรสวมถุงมือและรองเท้าบูทเมื่อต้องทำงานในที่ชื้นแฉะ เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู

ภาคตะวันออก

อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีหมอกบางในตอนเช้าส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. มีฝนบางแห่ง ลมตะวัน ออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 65-75 % สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเตรียมป้องกันความเสียหายเนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนเกษตรกรที่ปลูกพืชผัก ควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม และระวังป้องกันศัตรืชจำพวกเพลี้ยต่างๆ ที่อาจระบาดในช่วงนี้ได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 14-15 พ.ย. ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียง เหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 พ.ย. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 70-80 % ระยะนี้ยังคงมีฝนหนักบางพื้นที่ สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่บริเวณพื้นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับไม้ผลทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก ซึ่งอยู่ในระยะแตกใบอ่อน ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชเสียหาย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. ชาวประมงบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรระวังอันตรายในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ