พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 21 พฤศจิกายน 2554 - 27 พฤศจิกายน 2554

ข่าวทั่วไป Tuesday November 22, 2011 06:45 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 21 พฤศจิกายน 2554 - 27 พฤศจิกายน 2554

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 21-23 พ.ย. ทางตอนบนของภาค มีอากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค มีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 24-27 พ.ย. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลงได้ 2-3 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
  • ระยะนี้สภาพอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเอง อย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
  • ส่วนบริเวณยอดดอยอาจมีน้ำค้างแข็ง เกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผล ทางการเกษตร
  • ในช่วงที่อากาศหนาวเย็น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับระยะนี้ในบางพื้นที่อาจมีหมอกและน้ำค้าง เกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้างในพืชไร่ และพืชผัก หากพบควรรีบควบคุมโรค เพื่อไม่ให้ระบาดเป็นบริเวณกว้าง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 21-23 พ.ย. ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่าง อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 24-27 พ.ย. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลงได้ 2-3 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ระยะที่สภาพอากาศแห้งและมีลมแรงทำให้น้ำบริเวณผิวดินระเหยได้มาก เกษตรกรจึงควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน
  • สำหรับเกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง หากใช้งานเสร็จแล้วควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย

ภาคกลาง

  • ในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-27 พ.ย. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
  • ในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนในบางพื้นที่ซึ่งยังคงมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส และย่ำน้ำที่สกปรกหากมีความจำเป็นควรสวมถุงมือและรองเท้าบูตเพื่อป้องกันโรคเล็ปโตสไป โรซิส หรือโรคฉี่หนู

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-27 พ.ย. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นทรุดโทรม หากพบควรรีบกำจัด เพื่อไม่ให้ระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • ระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 21-25 พ.ย. ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นมา มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 26-27 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 75-85 %
  • ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ เสี่ยงภัยควรระวังอันตราย และป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก
  • สำหรับผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันความชื้นสะสมในพื้นที่เพาะปลูก ที่จะเป็นสาเหตุของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
  • อนึ่ง ในระยะนี้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่ทำประมงชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระวังในการเดินเรือ และในช่วงวันที่ 21-25 พ.ย. เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 21-25 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 26-27 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
  • ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ เสี่ยงภัยควรระวังอันตราย และป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก
  • สำหรับผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันความชื้นสะสมในพื้นที่เพาะปลูก ที่จะเป็นสาเหตุของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ