พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 30 พฤศจิกายน 2554 - 06 ธันวาคม 2554

ข่าวทั่วไป Thursday December 1, 2011 06:42 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 30 พฤศจิกายน 2554 - 06 ธันวาคม 2554

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 1-4 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทางตอนบนอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-6 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

-ในระยะ 1-2 วันนี้จะมีหมอกหนาเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรใช้ความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา

-ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง ส่วนเกษตรกรที่จุดไฟผิงให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายควรดูแลดับไฟให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า

-ในช่วงวันที่ 1-4 ธันวาคม บริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระมัดระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรไว้ด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 1-4 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ทางตอนบนอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-6 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

-เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง โดยอาจเพิ่มดวงไฟในโรงเรือนให้แก่สัตว์ที่ยังเล็ก หรือทำแผงกำบังลมหนาวเพิ่มด้วย

-สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคกลาง

  • ในช่วงวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 2-4 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

-พื้นที่การเกษตรที่ได้ถูกน้ำท่วมเมื่อระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบฟื้นฟูให้มีสภาพปกติ ส่วนบริเวณที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ เกษตรกรควรระวังโรคที่มากับน้ำ เช่น โรคน้ำกัดเท้า โรคตาแดง และโรคฉี่หนู รวมทั้งสัตว์มีพิษชนิดต่าง ๆ ด้วย

-ระยะนี้อากาศเย็น เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-4 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสเซลเซียส กับมีลมแรง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

-ในช่วงวันที่ 2-4 ธ.ค.อุณหภูมิจะลดลง กับมีลมแรง อาจทำให้ไม้ผลที่กำลังมีดอก ดอกร่วงหล่น รวมทั้งทำให้น้ำมีการระเหยมากขึ้น เกษตรกรจึงควรใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมตามโคนต้นพืช หรือระหว่างร่องในแปลงปลูกพืช เพื่อช่วยสงวนความชื้นในดินและลดอัตราการระเหยน้ำจากผิวดิน

-เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรวางแผนจัดการน้ำที่มีอยู่ให้เหมาะสมเพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ในช่วงวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. จังหวัดชุมพรขึ้นมา มีอากาศเย็นในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

-ในช่วงวันที่ 2-6 ธ.ค. เกษตรกรบริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปควรระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรงขึ้น ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง สำหรับผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งทะเลควรระวังคลื่นซัดฝั่งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงดังกล่าวด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ในช่วงวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

-ระยะนี้สภาพอากาศชื้น ชาวสวนยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ