พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 05 ธันวาคม 2554 - 11 ธันวาคม 2554

ข่าวทั่วไป Tuesday December 6, 2011 06:39 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 05 ธันวาคม 2554 - 11 ธันวาคม 2554

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 5-8 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 8-11 ธ.ค. มีฝนบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทางตอนบนอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-17 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
  • ในช่วงที่อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลตนเอง และสัตว์เลี้ยง โดยให้ความอบอุ่นอย่างเพียงพอ เพื่อมิให้เจ็บป่วย
  • ในช่วงวันที่ 8 — 11 ธ.ค.จะมีฝนบางแห่ง เกษตรกรไม่ควรนำผลผลิตตากทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้
  • สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระมัดระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรไว้ด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 5-7 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. มีฝนบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียสเซลเซียส กับมีลมแรง ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
  • เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง ทำแผงกำบังลมหนาว และเพิ่มความอบอุ่นแก่สัตว์ในโรงเรือน
  • ระยะนี้สภาพอากาศแห้งและมีลมแรง ชาวสวนยางพาราควรระวัง และป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยเก็บกวาดใบยางแห้งที่ร่วงหล่นตามโคนต้นและภายในสวนให้โล่งเตียนเพื่อมิให้เป็นเชื้อไฟ และทำแนวกันไฟรอบสวนยางด้วย
  • ในช่วงวันที่ 8 — 10 ธ.ค.จะมีฝนบางแห่ง เกษตรกรไม่ควรนำผลผลิตตากทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคกลาง

  • ในช่วงวันที่ 5-7 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1- 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 8-11 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังน้ำลด ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เช่นพืชตระกูลถั่ว
  • พื้นที่การเกษตรที่ได้ถูกน้ำท่วมเมื่อระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบฟื้นฟูให้มีสภาพปกติ ส่วนบริเวณที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ เกษตรกรควรระวังโรคที่มากับน้ำ รวมทั้งสัตว์มีพิษชนิด ต่าง ๆ ด้วย

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 5-7 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1- 3 องศาเซลเซียส กับมีฝนบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 8-11 ธ.ค. มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย
  • เนื่องจากระยะนี้มีลมแรง ทำให้พืชและดินมีการระเหยของน้ำมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชเพื่อช่วยสงวนความชื้นในดิน และหมั่นสำหรับแปลงปลูก หากพบการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ควรรีบกำจัด
  • ในช่วงวันที่ 8 — 11 ธ.ค.จะมีฝนบางแห่ง เกษตรกรไม่ควรนำผลผลิตตากทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ในช่วงวันที่ 5-8 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 9-11 มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
  • ในช่วงวันที่ 8-11 ธ.ค. เกษตรกรบริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร สำหรับผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งทะเลควรระวังอันตรายและความเสียหายจากคลื่นซัดฝั่งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงดังกล่าวด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ในช่วงวันที่ 5-8 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
  • ปริมาณและการกระจายของฝนเริ่มลดน้อยลง เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผลควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ และกักเก็บน้ำฝนที่จะตกในช่วงวันที่ 9-11 ธ.ค. ไว้ใช้ในระยะต่อไปด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ