ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 12 ธันวาคม 2554 - 18 ธันวาคม 2554
ภาคเหนือ
-ในช่วงวันที่ 12-13, 16-18 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ในช่วงวันที่ 14-15 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพันธ์ 65-75%
- ระยะนี้บริเวณยอดดอยอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับในพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผักชนิดต่างๆด้วย
- ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรรักษาอุณหภูมิในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและเพิ่มความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กอาจปรับตัวไม่ทัน จะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ในช่วงที่อากาศหนาว เกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง หากใช้งานเสร็จแล้วควรดับให้สนิททุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-ในช่วงวันที่ 12-14 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศา ในช่วงวันที่ วันที่ 15-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา กับมีลมแรง อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.ความชื้นสัมพันธ์ 65-75%
- เนื่องจากระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยโดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
- ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควคุมอุณหภูมิในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและเพิ่มความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ
- ในช่วงที่อากาศหนาว เกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง หากใช้งานเสร็จแล้วควรดับให้สนิททุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
ภาคกลาง
- ในช่วงวันที่ 12-15 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวและลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพันธ์ 70-80%
-ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไป จะมีฝนน้อย
- ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิของน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
-ในช่วงวันที่ 12-15 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพันธ์ 70-80%
- ในช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กจะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นทรุดโทรม หากพบควรรีบกำจัด
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ความชื้นสัมพันธ์ 75-90%
- เนื่องจากระยะนี้ทางตอนล่างของภาคสภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนควรดูแลสภาพสวนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ผู้ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังความเสียหายที่เกิดจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง
- อนึ่ง ระยะนี้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรงชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ความชื้นสัมพันธ์ 75-90%
- เนื่องจากระยะนี้ทางตอนล่างของภาคสภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนควรดูแลสภาพสวนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74