พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 14 ธันวาคม 2554 - 20 ธันวาคม 2554

ข่าวทั่วไป Thursday December 15, 2011 06:45 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 14 ธันวาคม 2554 - 20 ธันวาคม 2554

ภาคเหนือ

อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพันธ์ 65-75%

  • ระยะนี้จะมีอากาศหนาว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพตนเองและเพิ่มความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างพอเพียง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรทำแผงกำบังลมหนาวเพื่อป้องกันสัตว์เจ็บป่วย สำหรับอุณหภูมิที่ลดลง ทำให้ สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย เกษตรกรควรให้อาหารในปริมาณที่ลดลง เพื่อป้องกันน้ำเน่าเสียจากอาหารที่เหลือ
  • บริเวณยอดดอยและเทือกเขาอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับพืชผลการเกษตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-27 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพันธ์ 65-75%

  • เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย รวมทั้งควรดูแลสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในโรงเรือนหรือคอกที่สามารถกั้นลมหนาว
  • บริเวณเทือกเขาอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับพืชผลการเกษตร
  • ระยะนี้จะมีลมพัดแรงจะทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย เกษตรกรควรหมั่นเก็บเศษใบไม้ และกำจัดวัชพืชต่างๆ ภายในสวนให้โล่งเตียน รวมทั้งทำแนวกันไฟรอบๆ สวนด้วย

ภาคกลาง

อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพันธ์ 70-80%

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ระยะนี้อากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นดิน
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน และไม่มีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่ทนแล้ง อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และใช้น้ำน้อย

ภาคตะวันออก

อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพันธ์ 70-80%

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ช่วงนี้อากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อนอย่างเพียงพอ โดยคำนึงถึงการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรแดงที่อาจเข้าทำลายดอกและผลอ่อนด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 15-17 ธ.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมามีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม.ความชื้นสัมพันธ์ 75-90%
  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 15-18 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพันธ์ 75-90%
  • ในช่วงวันที่ 15-17 ธ.ค. ทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
  • สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา
  • คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ผู้ที่ทำประมงชายฝั่งควรป้องกันความเสียหายจากคลื่นซัดฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 15-17 ธ.ค.

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ