พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 16 ธันวาคม 2554 - 22 ธันวาคม 2554

ข่าวทั่วไป Monday December 19, 2011 07:18 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 16 ธันวาคม 2554 - 22 ธันวาคม 2554

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-19 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-22 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ระยะนี้จะมีอากาศหนาว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพตนเองและเพิ่มความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างพอเพียง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรทำแผงกำบังลมหนาวเพื่อป้องกันสัตว์เจ็บป่วย สำหรับอุณหภูมิที่ลดลง ทำให้ สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย เกษตรกรควรให้อาหารในปริมาณที่ลดลง เพื่อป้องกันน้ำเน่าเสียจากอาหารที่เหลือ - บริเวณยอดดอยและเทือกเขาอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับพืชผลการเกษตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 24-27 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-22 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 15-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ระยะนี้จะมีลมพัดแรงจะทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่ายเกษตรกรควรหมั่นเก็บเศษใบไม้ และกำจัดวัชพืชต่างๆ ภายในสวนให้โล่งเตียน รวมทั้งทำแนวกันไฟรอบๆ สวนด้วย - เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งประกอบกับบางช่วงมีลมแรงทำให้น้ำบริเวณผิวดินระเหยได้มาก เกษตรกรจึงควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน - บริเวณเทือกเขาอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับพืชผลการเกษตร

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา อากาศเย็น กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-22 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์70-80% - ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย - ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิของน้ำอย่าให้ลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย - สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน และไม่มีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่ทนแล้ง อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และใช้น้ำน้อย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา อากาศเย็น กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-22 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์70-80% - ในช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กจะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย - ช่วงนี้อากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อนอย่างเพียงพอ โดยคำนึงถึงการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรแดงที่อาจเข้าทำลายดอกและผลอ่อนด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศา ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมามีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 18-19 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90% - ฝั่งตะวันออก ระยะนี้ทางตอนบนของภาคมีปริมาณฝนที่ตกน้อย เกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต อย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดแมลงศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่าง ๆ ด้วย ส่วนบริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก เกษตรกรควรขุดลอกคูคลอง และทำทางระบายน้ำออกจากสวนเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกนานจนทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นพืชตาย - สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง เกษตรกรควรดูแลสวน ให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา - คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ผู้ที่ทำประมงชายฝั่งควรป้องกันความเสียหายจากคลื่นซัดฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือ ด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 16-20 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90% - สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง เกษตรกรควรดูแลสวน ให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ