พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 23 ธันวาคม 2554 - 29 ธันวาคม 2554

ข่าวทั่วไป Monday December 26, 2011 07:09 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 23 ธันวาคม 2554 - 29 ธันวาคม 2554

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 24-28 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียส อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 3-7 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. หลังจากนั้นในวันที่ 29 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้อากาศหนาวเย็น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอและควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยอาจมีน้ำค้างแข็ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
  • อนึ่งผู้ที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 23-27 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 28-29 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดภูในบางช่วงอาจมีน้ำค้างแข็ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาว และเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน รวมทั้งหมั่นสังเกตหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มแล้วรีบรักษา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดการให้อาหารให้พอดีเพื่อป้องกันอาหารเหลือตกค้างทำให้น้ำเน่าเสีย
  • อนึ่งผู้ที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 24-27 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 28-29 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียง เหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย

-ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดการให้อาหารให้พอดีเพื่อป้องกันอาหารเหลือตกค้างทำให้น้ำเน่าเสีย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 24-27 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 28-29 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์70-80%

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงที่สภาพอากาศแห้ง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นทรุดโทรม ส่งผลต่อการติดดอกออกผลของพืช

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 24-27 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 28-29 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
  • ฝั่งตะวันตก อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 24-27 ธ.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 28-29 ธ.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
  • สำหรับทางตอนบนของภาคอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ในช่วงนี้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง เกษตรกรที่อยู่บริเวณชายฝั่งควระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากคลื่นซัดฝั่ง สำหรับผู้ทำประมงชายฝั่ง ควรป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งโดยเฉพาะวันที่ 24-27 ธ.ค.

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ได้ให้ไว้ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกแล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ