พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 02 มกราคม 2555 - 08 มกราคม 2555

ข่าวทั่วไป Wednesday January 4, 2012 07:08 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 02 มกราคม 2555 - 08 มกราคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 2 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในวันที่ 3-8 ม.ค. ทางตอนบนมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆ ในระยะแรก ต่อจากนั้นอุณหภูมิลดลดมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 3-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้บริเวณยอดดอยจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่เกิดกับพืชผลการเกษตร

-สภาพอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอ และเกิดโรคได้ง่าย

  • ในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. บริเวณตอนบนของภาคจะมีฝนเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในวันที่ 2-3 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-8 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส มีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้บริเวณยอดภูจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่เกิดกับพืชผลการเกษตร
  • เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน
  • สภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรทำแนวกันไฟรอบสวนยางพาราและระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยบริเวณที่อยู่อาศัย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 2 - 4 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 5-8 ม.ค. อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้อากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นในดิน
  • เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชผักควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตเสียหาย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 2 - 4 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 5-8 ม.ค. อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์70-80%

  • ช่วงนี้สภาพอากาศแห้งประกอบกับปริมาณฝนน้อย เกษตกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต รวมทั้งควรวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

-ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ดอกร่วงหล่นและการติดผลลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในวันที่ 2 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมาอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 3-8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
  • ฝั่งตะวันตกในวันที่ 2 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 3-8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • บริเวณตอนบนของภาคจะยังคงมีฝนตกน้อย เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างพอเพียง
  • ในวันที่ 2 ม.ค. เกษตรกรบริเวณภาคใต้ตอนล่างควรระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
  • ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. บริเวณภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา พื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วม เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออก ตลอดจนฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม
  • ระยะนี้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนในวันที่ 2 ม.ค. เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ