พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 13 มกราคม 2555 - 19 มกราคม 2555

ข่าวทั่วไป Monday January 16, 2012 06:55 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 13 มกราคม 2555 - 19 มกราคม 2555

ภาคเหนือ

มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. 55 มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85% -ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค.จะมีฝนตก เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว ไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ - ระยะนี้สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ผู้ที่ปลูกไม้ดอก และพืชผักควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะโรคราน้ำค้าง ซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูหนาว -ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. 55 มีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจายความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% -ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว ไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ - ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย

ภาคกลาง

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. 55 มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อย เกษตรกรที่มีแหล่งน้ำเป็นของตนเองควรใช้น้ำอย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง รวมทั้งเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย - สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วหากเปียกฝน ควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อไม่ให้ผลผลิตเน่าเสียหาย

ภาคตะวันออก

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. 55 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-80% -ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว ไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ นอกจากนี้ควรกักเก็บน้ำฝนที่ตกไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นมา: ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียง เหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 16-19ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง และจังหวัดชุมพรลงไป: ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-45 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 16-19ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90% - ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน อาจเกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรบริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปควรระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากพร้อมทั้งป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว - ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป จะมีฝนตกชุก อาจทำให้สภาะน้ำเค็มเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลกระทบต่อสัตว์น้ำ ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วย อนึ่ง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงดังกล่าว

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค.55 อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนที่จะตกในช่วงนี้เพื่อไว้ใช้ในการเกษตร รวมทั้งวางแผนการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำพอใช้ในช่วงแล้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ