พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 16 มกราคม 2555 - 22 มกราคม 2555

ข่าวทั่วไป Tuesday January 17, 2012 07:19 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 16 มกราคม 2555 - 22 มกราคม 2555

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศา มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-8 องศา ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีหมอกหนาในบางพื้นที่ ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก ทำให้อากาศโดยทั่วไปยังคงหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพ
  • ส่วนบริเวณที่มีหมอกหนา เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรด้วย
  • สำหรับบริเวณยอดดอย ยังมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ และระวังความเสียหายจากน้ำค้างแข็งที่จะเกิดกับพืชผลเมืองหนาว

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศา มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศา โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก ทำให้อากาศโดยทั่วไปยังคงหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพ
  • ในช่วงวันที่ 16-22 ม.ค. จะมีฝนตก เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว ไว้กลางแจ้ง นอกจากนี้ควรชะลอการฉีดพ่นยาศัตรูพืช เพราะฝนที่ตกจะไปชะล้างยา ทำให้เจือจางลง
  • ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย

ภาคกลาง

  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศา และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อากาศเย็นกับกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีหมอกหนาในบางพื้นที่ และมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
  • ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว ไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้
  • สำหรับพืชที่ได้ปลูกไปแล้วและอยู่ในระยะเจริญเติบโตจำเป็นต้องได้รับน้ำเพิ่มเติม เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำให้เหมาะสมตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค.อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
  • ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. จะมีฝนเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้
  • แม้ว่าระยะนี้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต นอกจากนึ้ควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก เพราะอาจมีแมลงศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรแดงระบาดทำลายไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน หากพบควรรีบป้องกันกำจัด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นมา อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ส่วนตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
  • ในวันที่ 16 -17 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปยังมีฝนกระจาย ทำให้บริเวณที่มีน้ำท่วมอยู่ก่อนแล้วมีระดับน้ำสูงขึ้นบ้าง ต่อจากนั้นฝนจะลดลง ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ถูกน้ำท่วมเมื่อระยะที่ผ่านมาคลี่คลายลงไป รวมทั้งคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ชาวเรือและชาวประมงสามารถเดินเรือได้ตามปกติ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ตั้งแต่วันที่ 18-22 ม.ค. ฝนจะลดลง เกษตรกรที่ปลูกพืชผักรอบใหม่ ควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ เพื่อมิให้พืชจะชะงักการเจริญเติบโต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ