พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง ระหว่าง 20 มกราคม 2555 - 26 มกราคม 2555

ข่าวทั่วไป Monday January 23, 2012 06:48 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 20 มกราคม 2555 - 26 มกราคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-21 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 22-26 ม.ค. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ทางตอนบนอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-17 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • สำหรับบริเวณตอนบนมีอากาศหนาว ประกอบกับอุณหภูมิตอนกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน
  • ไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผล เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันผลร่วง เนื่องจากในเวลากลางวันอากาศแห้งน้ำระเหยได้มาก นอกจากนี้ควรคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเช่นฟางหรือหญ้าแห้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-23 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 24-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆกับมีลมแรง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%

  • ในช่วงวันที่ 20-23 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายและมีลมแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไว้กลางแจ้ง และป้องกันความเสียหายจากลมแรง
  • สำหรับบริเวณตอนบนมีอากาศหนาว ประกอบกับอุณหภูมิตอนกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. มีฝนบางแห่งและอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ในระยะนี้ปริมาณฝนจะมีน้อย พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย
  • สำหรับพืชที่ได้ปลูกไปแล้วและอยู่ในระยะเจริญเติบโต เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมและวางแผนการใช้น้ำให้เหมาะสมตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 20-23 ม.ค.มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 24-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆและอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้ความชื้นในดินมีน้อย ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกหากเห็นดอกชัดเจนแล้ว เกษตรกรควรเริ่มให้น้ำโดยเริ่มจากปริมาณที่น้อยแล้วค่อยเพิ่มขึ้น เพราะหากขาดน้ำในระยะนี้จะทำให้การติดผลลดลง
  • สำหรับปริมาณฝนที่มีน้อยในระยะนี้ เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
  • ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • บริเวณตอนบนของภาคมีฝนตกน้อย เกษตรกรที่ปลูกพืชผักรอบใหม่ ควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ เพื่อมิให้พืชชะงักการเจริญเติบโต
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคระยะนี้สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคเส้นดำ ซึ่งจะทำให้หน้ากรีดยางเสียหายได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ได้ให้ไว้ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกแล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ