พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 25 มกราคม 2555 - 31 มกราคม 2555

ข่าวทั่วไป Friday January 27, 2012 06:59 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 25 มกราคม 2555 - 31 มกราคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 26-29 ม.ค. มีฝนบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ทางตอนบนอากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

  • ในช่วงวันที่ 26-29 ม.ค. ทางตอนบนของภาคจะมีหมอกและหมอกหนา เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ส่วนไม้ผลที่กำลังออกดอก ชาวสวนควรป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะ ทำให้ดอกร่วงหล่นได้
  • ช่วงนี้ทางตอนล่างของภาคจะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังความเสียหายกับผลผลิตที่ตากไว้กลางแจ้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 26-28 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. ทางตอนล่างของภาคจะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตการเกษตรไว้กลางแจ้ง และป้องกันความเสียหายจากลมกระโชกแรง
  • สภาพอากาศแห้ง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 26-29 ม.ค. มีเมฆบางส่วน และมีฝนบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. จะมีฝนเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไว้กลางแจ้ง
  • ระยะนี้แม้ว่าจะมีฝน แต่ปริมาณฝนไม่มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่มีระบบรากตื้น เช่น ผัก ไม้ดอก และพืชไร่ชนิดต่างๆ รวมทั้งคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดินด้วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 26-29 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. จะมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
  • ฝนที่ตกในระยะนี้อาจไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ผลผลิตเสียหาย
  • พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และควรวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ทางตอนบนของภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะยังคงมีฝนตกน้อย เกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ
  • ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. ทางตอนล่างของภาคใต้จะมีฝนตกหนัก พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ