พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 27 มกราคม 2555 - 02 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวทั่วไป Monday January 30, 2012 06:56 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 27 มกราคม 2555 - 02 กุมภาพันธ์ 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 27-29 ม.ค. มีฝนบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ทางตอนบนอากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 2 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - ในช่วงวันที่ 27-30 ม.ค. ทางตอนบนของภาคจะมีหมอกและหมอกหนา เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ส่วนไม้ผลที่กำลังออกดอก ชาวสวนควรป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะ ทำให้ดอกร่วงหล่นได้ รวมทั้งโรคราน้ำค้างและใบจุดในพืชผัก - ระยะนี้ทางตอนล่างของภาคจะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังความเสียหายกับผลผลิตที่ตากไว้กลางแจ้ง และควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อไม่ให้ผลผลิตเน่าเสียหาย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 27-28 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียสสำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 29 ม.ค.- 2 ก.พ. โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย - ในช่วงวันที่ 29 ม.ค.- 2 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากลมกระโชกแรง และไม่ควรตากผลผลิตการเกษตรไว้กลางแจ้ง - แม้ว่าระยะนี้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทาน ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย รวมทั้งควรวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 27-29 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 2 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว10-30กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์65-75% - ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 2 ก.พ. จะมีฝนเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากลมกระโชกแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไว้กลางแจ้ง - ระยะนี้แม้ว่าจะมีฝน แต่ปริมาณฝนไม่มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่มีระบบรากตื้น เช่น ผัก ไม้ดอก และพืชไร่ชนิดต่างๆ รวมทั้งคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดินด้วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 27-29 ม.ค.มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนฟ้าคะนอง บางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 2 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% -ระยะนี้ จะมีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไว้กลางแจ้ง - แม้ว่าระยะนี้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติม นอกจากนึ้ควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก เพราะอาจมีแมลงศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรแดงระบาด หากพบควรรีบป้องกันกำจัด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 28 ม.ค.- 1 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปอุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. หลังจากนั้นมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90% - ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน มีฝนตกน้อยเกษตรกรที่ปลูกพืชรอบใหม่ ควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ เพื่อมิให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และควรระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ส่วนตอนล่าง ในช่วงวันที่ 28 ม.ค.- 1 ก.พ. มีฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 28 ม.ค.- 1 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. หลังจากนั้นมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - ฝั่งตะวันตกยังมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ