ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 30 มกราคม 2555 - 05 กุมภาพันธ์ 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.-1 ก.พ. ทางตอนบนอากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น กับมีฝนบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ในระยะแรกจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-8 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและควรให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.-1 ก.พ. ทางตอนบนของภาคจะมีหมอกและหมอกหนา เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งควรป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้างในพืชไร่ พืชผัก และไม้ดอก
- ในช่วงวันที่ 2-4 ก.พ. มีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้ง
- พืชไร่ที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.-3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
-ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.-3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง
- ระยะนี้แม้ว่าจะมีฝน แต่ปริมาณจะไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่กำลังเติบโตทางผล เช่น มะม่วงและส้มโอ ชาวสวนควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมในปริมาณที่เหมาะสม
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.-3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและไม้ผลที่กำลังเติบโตทางผล
- เกษตรกรบริเวณนอกเขตชลประทานควรกักเก็บน้ำฝนที่ตกในระยะนี้ไว้ใช้เพื่อการเกษตรในระยะต่อไป
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 1 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
- ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 1 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 1 ก.พ. เกษตรกรควรระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนบริเวณที่ลุ่ม เกษตกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
- ระยะนี้ทางตอนล่างของภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 1 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74