พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 03 กุมภาพันธ์ 2555 - 09 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวทั่วไป Monday February 6, 2012 07:13 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 03 กุมภาพันธ์ 2555 - 09 กุมภาพันธ์ 2555

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ.จะมีฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆถึงกระจาย เกษตรกรที่ตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง ควรระวังความเสียหายจากฝนที่จะตกด้วย
  • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับพื้นที่ที่มีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจาก เชื้อรา หากพบควรรีบป้องกันกำจัด

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 4-6 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 7-9 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว หากเปียกฝนควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อป้องกันผลผลิตเน่าเสียหาย
  • ช่วงนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณน้อย ซึ่งยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืชที่กำลังเจริญเติบโต เกษตรกรจึงควรช่วยรักษาความชื้นในดิน โดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้แห้ง หรือฟางข้าว คลุมตามโคนต้นพืช หรือแปลงปลูกพืช
  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคกลาง

  • ในช่วงวันที่ 3-4 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ช่วงนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำพอใช้ในช่วงแล้ง
  • สำหรับ เกษตรกรที่ปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากมีน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • ส่วนไม้ผลที่กำลังติดผลอ่อน เช่น มะม่วงและส้มโอ ชาวสวนควรดูแลให้น้ำ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยชนิดต่างๆ ด้วย

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 3-7 ก.พ. มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียสเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ช่วงนี้แม้มีฝนตกแต่ปริมาณน้อย สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต
  • เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำที่ เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมาเป็นลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปเป็นลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมาเป็นลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปเป็นลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ในช่วงนี้มีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย สภาพอากาศค่อนข้างชื้น อาจทำให้มีศัตรูพืชจำพวกหนอน เข้าทำลายไม้ผล เช่น มังคุด และทุเรียน ที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน ทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตลดลง หากพบเกษตรกรควรรีบป้องกันกำจัด
  • ในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ในช่วงนี้มีฝนอยู่ในเกณฑ์เป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนที่ตก เพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ