พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 06 กุมภาพันธ์ 2555 - 12 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวทั่วไป Tuesday February 7, 2012 07:07 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 06 กุมภาพันธ์ 2555 - 12 กุมภาพันธ์ 2555

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. ทางตอนบนอากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศา หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศา สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับพื้นที่ที่มีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจาก เชื้อรา หากพบควรรีบป้องกันกำจัด
  • สำหรับผู้ที่ปลูกไม้ดอกและผักชนิดต่างๆ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ดอกและใบอ่อนเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรกและอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ.จะมีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจาย เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าว
  • ช่วงนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณน้อย ซึ่งยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืชที่กำลังเจริญเติบโต เกษตรกรจึงควรช่วยรักษาความชื้นในดิน โดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้แห้ง หรือฟางข้าว คลุมตามโคนต้นพืช หรือแปลงปลูกพืช
  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคกลาง

-ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

-สำหรับเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานและปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากมีน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ

  • ส่วนไม้ผลที่กำลังติดผลอ่อน เช่น มะม่วงและส้มโอ ชาวสวนควรดูแลให้น้ำ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยชนิดต่างๆ

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้ากับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ช่วงนี้แม้มีฝนตกแต่ปริมาณไม่เพียงพอสำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติม เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกิน้ำเลี้ยงทำให้ผลแคระแกร็น
  • เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ระยะนี้ทางฝั่งตะวันออก สภาพอากาศค่อนข้างชื้น อาจทำให้มีศัตรูพืชจำพวกหนอนเข้าทำลายไม้ผล เช่น มังคุด และทุเรียน ที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน ทำให้ต้นทรุดโทรม หากพบเกษตรกรควรรีบป้องกันกำจัด
  • ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ฝั่งตะวันตกในช่วงนี้มีฝนอยู่ในเกณฑ์บางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนที่ตก เพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ