พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 15 กุมภาพันธ์ 2555 - 21 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวทั่วไป Thursday February 16, 2012 06:54 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 15 กุมภาพันธ์ 2555 - 21 กุมภาพันธ์ 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 13-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

  • ระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศจะแปรปรวน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง ไม้ผลที่อยู่ในระยะ ผลอ่อน โดยเฉพาะลิ้นจี่ ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นมวนลำไย และไรกำมะหยี่ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลอ่อนร่วงหล่นได้
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลจำนวนสัตว์ที่เลี้ยง กับปริมาณน้ำให้มีความสมดุลกัน หากขาดความสมดุลจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-16 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งทำให้น้ำระเหยได้มาก เกษตรกรจึงควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือ หญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน
  • สำหรับผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ
  • ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในสวนหากมีความจำเป็นควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง ความชื้นในอากาศมีน้อย เกษตรที่ปลูกกล้วยไม้ควรเพิ่มความชื้นในโรงเรือน โดยนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน
  • สำหรับพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัดก่อนจะระบาดเป็น บริเวณกว้าง
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยฉีดน้ำบริเวณหลังคาโรงเรือน รวมทั้งเพิ่มปริมาณน้ำกินให้แก่สัตว์เลี้ยง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 15-16 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรจึงควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร ในช่วงแล้ง
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียง รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลอ่อน ร่วงหล่น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกร ควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้ง
  • ในช่วงนี้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่เพาะปลูกโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร และหลังจุดไฟเพื่อใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง
  • ส่วนชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ ต้นทรุดโทรม

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกร ควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้ง
  • ในช่วงนี้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่เพาะปลูกโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร และหลังจุดไฟเพื่อใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ