พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 17 กุมภาพันธ์ 2555 - 23 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวทั่วไป Monday February 20, 2012 07:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 17 กุมภาพันธ์ 2555 - 23 กุมภาพันธ์ 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 11-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

  • ระหว่างวันที่ 18-21 ก.พ. เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดค้ำยันกิ่งให้แข็งแรง ตลอดจนซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์และบ้านเรือนให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหาย
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง ไม้ผลที่อยู่ในระยะ ผลอ่อน โดยเฉพาะลิ้นจี่ ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น มวนลำไย ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลอ่อนร่วงหล่นได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-20 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระหว่างวันที่ 17-20 ก.พ. เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดค้ำยันกิ่งให้แข็งแรง ตลอดจนซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์และบ้านเรือนให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหาย
  • ระยะนี้อากาศเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในสวน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 18-20 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. สำหรับบริเวณเทือกเขา มีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา มีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระหว่างวันที่ 18-20 ก.พ. เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดค้ำยันกิ่งให้แข็งแรง ตลอดจนซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์และบ้านเรือนให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหาย
  • สำหรับพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัดก่อนจะระบาดเป็น บริเวณกว้าง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 17-20 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา มีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา มีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระหว่างวันที่ 17-20 ก.พ. เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดค้ำยันกิ่งให้แข็งแรง ตลอดจนซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์และบ้านเรือนให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหาย
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียง รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ ผลอ่อนร่วงหล่น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 18-20 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลม ตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 18-20 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกร ควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้งและควรกักเก็บน้ำในช่วงที่มีฝนตกลงมาในระยะนี้
  • ในช่วงต่อไปอากาศจะเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูร้อนอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่เพาะปลูกโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ให้ไว้ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกแล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ