พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 20 กุมภาพันธ์ 2555 - 26 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวทั่วไป Tuesday February 21, 2012 07:04 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 20 กุมภาพันธ์ 2555 - 26 กุมภาพันธ์ 2555

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 21-23 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา กับมีหมอกในตอนเช้าและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 13-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 24-26 ก.พ.อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้าและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 15-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศา ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
  • เนื่องจากระยะนี้อุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กจะอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย
  • เนื่องจากสภาพอากาศแห้ง เกษตกรที่ปลูกพืชไร่และไม้ดอกชนิดต่างๆ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติม รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาสำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
  • เนื่องจากระยะนี้มีฝนตกน้อย สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด หากต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เช่น พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น
  • ระยะนี้อากาศร้อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยเฉพาะชาวสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในสวนหรือบริเวณใกล้เคียง

ภาคกลาง

  • ในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา มีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-17 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา มีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
  • เนื่องจากระยะนี้ปริมาณฝนที่ตกมีน้อย สำหรับไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรให้น้ำเพิ่มเติมรวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโตและร่วงหล่น
  • สำหรับพืชผักและไม้ดอกชนิดต่างๆ ที่กำลังเจริญเติบโต เกษตรกรควรดูแลให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดปริมาณการระเหยของน้ำ

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา มีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียง รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 23-25 ก.พ. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ระยะนี้บริเวณตอนบนของภาคมีฝนตกน้อย เกษตรกร ควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้ง ส่วนพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ที่กำลังเจริญเติบโตควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ และคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นดิน
  • สำหรับบริเวณตอนล่างของภาคซึ่งยังคงมีฝนตก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำเพื่อไว้ใช้ในระยะต่อไปด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจายตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ระยะนี้บริเวณตอนบนของภาคมีฝนตกน้อย เกษตรกร ควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้ง ส่วนพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ที่กำลังเจริญเติบโตควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ และคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นดิน
  • สำหรับบริเวณตอนล่างของภาคซึ่งยังคงมีฝนตก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำเพื่อไว้ใช้ในระยะต่อไปด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ