พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 22 กุมภาพันธ์ 2555 - 28 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวทั่วไป Friday February 24, 2012 06:52 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 22 กุมภาพันธ์ 2555 - 28 กุมภาพันธ์ 2555

ภาคเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้าและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศา ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 24-28 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
  • ช่วงนี้อุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เนื่องจากสภาพอากาศแห้ง เกษตกรควรงดการจุดไฟเผาเศษซากวัชพืช เพื่อป้องกันไฟป่า นอกจากนี้กันมิให้ควันไฟไปผสมกับหมอกและเกิดเป็นหมอกควัน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อการสัญจรและระบบทางเดินหายใจ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ในช่วงวันที่ 22-25 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศา สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
  • ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 26-28 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่เกิดกับพืชผลทางการเกษตร และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าวด้วย
  • สำหรับเกษตรกรที่ปลูกยางพาราควรระวังและป้องกันอัคคีภัย โดยเก็บกวาดกิ่งและใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อมิให้เป็นเชื้อไฟ

ภาคกลาง

  • ในช่วงวันที่ 22-25 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
  • ในช่วงวันที่ 26-28 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตร ไว้กลางแจ้ง เพราะจะเปียกชื้นเสียหาย
  • ช่วงนี้แม้จะมีฝนตก แต่มีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอสำหรับไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรให้น้ำเพิ่มเติม รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโตและร่วงหล่น
  • สำหรับชาวไร่อ้อยที่ต้องการเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรใช้วิธีตัดสดแทนการเผา เพราะความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ นอกจากจะทำให้ผลผลิตลดลงแล้ว ยังจะไปทำลาย จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชในดินอีกด้วย

ภาคตะวันออก

  • ในช่วงวันที่ 22-25 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
  • ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ถึงเป็นแห่งๆเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตร ไว้กลางแจ้ง เพราะจะเปียกชื้นเสียหายและควรกักเก็บน้ำฝนเพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้งที่จะมาถึงนี้
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียง รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ในช่วงวันที่ 22-25 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนอง บางแห่งถึงเป็นแห่งๆส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ช่วงที่ผ่านมาบริเวณตอนบนของภาคมีฝนตกน้อย เกษตรกรที่ปลูกพืชผักควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก เพราะอาจมีแมลงศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ เข้าทำลาย ทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต นอกจากนี้ควรดูแลให้น้ำและคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นดินไปพร้อมๆ กันด้วย ส่วนพื้นที่ซึ่งมีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนเพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ฝนที่ตกในช่วงนี้จะเป็นผลดีต่อพืชไร่ พืชผัก และไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังจะช่วยลดการระบาดของเพลี้ยชนิดต่าง ๆ ลงได้ อย่างไรก็ตามเกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนที่ตก เพื่อไว้ใช้ในการเกษตรระยะต่อไปด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ