พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 27 กุมภาพันธ์ 2555 - 04 มีนาคม 2555

ข่าวทั่วไป Tuesday February 28, 2012 07:17 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 27 กุมภาพันธ์ 2555 - 04 มีนาคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 27-29 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัว ในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัว ในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70% - ช่วงนี้อุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย - บริเวณภาคเหนือตอนบนมีสภาพอากาศปิด การถ่ายเทของอากาศได้น้อย เกษตกรควรงดการจุดไฟเผาเศษซากวัชพืช เพื่อป้องกันมิให้ควันไฟไปผสมกับหมอกและเกิดเป็นหมอกควัน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อการสัญจรและระบบทางเดินหายใจ - สภาพอากาศแห้ง ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน โดยเฉพาะลิ้นจี่และลำไย อาจมีศัตรูพืช เช่น มวนลำไย และไรแดง ระบาดทำลาย ชาวสวนควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชดังกล่าว - ระยะนี้ภาคเหนือตอนล่างมีอากาศร้อนอบอ้าวเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังควรหมั่นสำรวจแปลงนา เพราะอาจมีศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยไฟ เข้าทำลายข้าว หากพบควรรีบกำจัดไม่ให้ระบาดแพร่หลาย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 27-29 ก.พ. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ในช่วงวันที่ 27 - 29 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง - ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ - นอกจากนี้เกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยแป้ง ซึ่งมักระบาดในช่วงอากาศร้อน และแห้ง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 27-29 ก.พ. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ในช่วงวันที่ 27 — 29 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร - ระยะนี้อากาศร้อนอบอ้าว เกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังควรหมั่นสำรวจแปลงนา เพราะอาจมีศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยไฟ เข้าทำลายข้าว หากพบควรรีบกำจัดไม่ให้ระบาดแพร่หลาย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 27-29 ก.พ. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - ในช่วงวันที่ 27-29 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ชาวสวนควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการฉีกหักและโค่นล้ม เมื่อมีลมแรง - ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ชาวสวนผลไม้ควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญ เติบโตทางผล และป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 27-29 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - บริเวณที่มีฝนตกน้อย โดยเฉพาะทางตอนบนของฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ ส่วนสภาพอากาศแห้ง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบสวน - ในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. ทางฝั่งตะวันออกตอนล่างจะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ พืชไร่ พืชผัก และไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโต สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักเกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝน เพื่อไว้ใช้ในการเกษตรระยะต่อไปด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 27-29 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - ในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. ทางฝั่งตะวันตกจะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืชไร่ พืชผัก และไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโต สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักเกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝน เพื่อไว้ใช้ในการเกษตรระยะต่อไปด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ