พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 02 มีนาคม 2555 - 08 มีนาคม 2555

ข่าวทั่วไป Monday March 5, 2012 07:02 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 02 มีนาคม 2555 - 08 มีนาคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 2-3 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 4-8 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดอุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศา โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้น

  • ระยะนี้น้ำระเหยมาก เกษตรกรจึงควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
  • เนื่องจากระยะนี้อากาศจมตัว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟเผาเศษวัชพืชหรือตอซังเพราะจะทำให้เกิดภาวะมลพิษจากหมอกควันเพิ่มขึ้น
  • สำหรับอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวัง และป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชไร่ ไม้ผล และนาข้าว ตลอดจนพืชผัก ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตเสียหาย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 3-5 มี.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้น้ำระเหยมาก เกษตรกรจึงควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
  • ส่วนผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ

-ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกษตรกรควรระวังความเสียหายจากภาวะดังกล่าวโดยผูกยึดโรงเรือนให้แข็งแรง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 3-5 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้น้ำระเหยมาก เกษตรกรจึงควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
  • เนื่องจากอุณหภูมิที่สูง เกษตรกรควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ป้องกันสัตว์เครียด โดยฉีดน้ำบริเวณหลังคาโรงเรือน และเพิ่มปริมาณน้ำกินให้แก่สัตว์เลี้ยง

-ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกษตรกรควรระวังความเสียหายจากภาวะดังกล่าวโดยผูกยึดโรงเรือนให้แข็งแรง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 3-5 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต รวมทั้ง ไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิต อย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • ระยะนี้น้ำระเหยมาก เกษตรกรจึงควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
  • ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดลำต้นและค้ำยันกิ่งของไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรงเพื่อป้องกันการหักโค่น เมื่อมีลมแรง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 2-4 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้พืชทรุดโทรม
  • บริเวณที่สภาพอากาศแห้ง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบบริเวณสวนยาง และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณสวน หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟ ควรดับให้สนิททุกครั้งหลัง เลิกใช้งาน

-สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้เกษตรควรกักเก็บไว้ใช้ในหน้าแล้งต่อไป

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ได้ให้ไว้ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกแล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ