ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 05 มีนาคม 2555 - 11 มีนาคม 2555
ภาคเหนือ
-ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัว อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส โดย ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
- เนื่องจากระยะนี้อากาศแห้ง ซึ่งจะทำให้น้ำระเหยได้มากดังนั้นเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชผักต่างๆควรดูแลให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม รวมทั้งคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นดิน นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตเสียหาย
- ในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค.จะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลอาคารบ้านเรือนและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้แข็งแรง ส่วนชาวสวนผลไม้หรือไม้ยืนต้นต่างๆ ควรระวังความเสียหายเนื่องจากลมกระโชกแรงด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-ในช่วงวันที่ 5-7 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-11 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางแห่ง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
-เนื่องจากในช่วงวันที่ 8-11 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลอาคารบ้านเรือนและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์หรือโรงเรือนเก็บผลผลิตทางการเกษตรให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- เกษตรกรที่ปลูกพืชผักชนิดต่างๆในระยะนี้ควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
ภาคกลาง
-ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. อากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- ระยะนี้อากาศร้อน น้ำระเหยได้มาก เกษตรกรที่ปลูกผักชนิดต่างๆควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติม รวมทั้งควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
-ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังความเสียหายจากภาวะดังกล่าวโดยดูแลอาคารบ้านเรือนและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้แข็งแรง รวมทั้งผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง
ภาคตะวันออก
-ในช่วงวันที่ 5-7 มี.ค. มีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-11 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ระยะนี้อากาศร้อนและมีแสงแดดจัด ทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมและคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
- เนื่องจากระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง สำหรับไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรงเพื่อป้องกันกิ่งฉีกขาดและผลผลิตร่วงหล่น
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนมากทางตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- เนื่องจากระยะนี้บริเวณตอนบนของภาคอากาศร้อนและมีน้ำระเหยมาก เกษตรกรที่ปลูกพืชผักชนิดต่างๆ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมและคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นในดิน
- บริเวณที่สภาพอากาศแห้ง ชาวสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบบริเวณสวนเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
- บริเวณตอนล่างของภาคจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- บริเวณตอนล่างของภาคจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74