พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 07 มีนาคม 2555 - 13 มีนาคม 2555

ข่าวทั่วไป Friday March 9, 2012 06:59 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 07 มีนาคม 2555 - 13 มีนาคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 7-8 มี.ค. ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-26 องศาเซลเซียส สำหรับตอนกลางวันมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวตลอดทั้งภาค อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส ทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส โดย ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ระยะนี้ทางตอนบนของภาคมีอุณหภูมิแตกต่างกันมากในตอนกลางคืนและกลางวัน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย - เนื่องจากระยะนี้อากาศแห้ง ซึ่งจะทำให้น้ำระเหยได้มากดังนั้นเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชผักต่างๆควรดูแลให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม รวมทั้งคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นในดิน นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตเสียหาย - ในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค.จะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 8-13 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางแห่ง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% -เนื่องจากในช่วงวันที่ 8-13 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลอาคารบ้านเรือนและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์หรือโรงเรือนเก็บผลผลิตทางการเกษตรให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว - เกษตรกรที่ปลูกพืชผักชนิดต่างๆในระยะนี้ควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 7-8 มี.ค. อากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ระยะนี้อากาศร้อน น้ำระเหยได้มาก เกษตรกรที่ปลูกผักชนิดต่างๆควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติม รวมทั้งควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน -ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังความเสียหายจากภาวะดังกล่าวโดยดูแลอาคารบ้านเรือนและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้แข็งแรง รวมทั้งระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 7-8 มี.ค. มีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - ระยะนี้อากาศร้อนและมีแสงแดดจัด ทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมและคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน - เนื่องจากระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง สำหรับไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรงเพื่อป้องกันกิ่งฉีกขาดและผลผลิตร่วงหล่น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 7-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - เนื่องจากระยะนี้บริเวณตอนบนของภาคอากาศร้อนและมีน้ำระเหยมาก เกษตรกรที่ปลูกพืชผักชนิดต่างๆ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมและคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นในดิน รวมทั้งกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ - บริเวณตอนล่างของภาคจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งด้วย - สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้พืชทรุดโทรม

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 7-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้พืชทรุดโทรม - บริเวณที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ