พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 14 มีนาคม 2555 - 20 มีนาคม 2555

ข่าวทั่วไป Thursday March 15, 2012 06:57 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 14 มีนาคม 2555 - 20 มีนาคม 2555

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-ระยะนี้อากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน

  • ระยะที่ผ่านมาแม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณและการกระจาย ยังไม่มาก เกษตรกร จึงควรดูแลให้น้ำแก่พืช อย่างเหมาะสมโดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น
  • ในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรง สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยว และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง
  • เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีอากาศร้อนขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค.จะมีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ผลผลิตทางการเกษตร ที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวและไม่ควรตากไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ และเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ใน ที่โล่ง ขณะฝนฟ้าคะนอง
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่มักเกิด ในหน้าร้อนให้แก่สัตว์เลี้ยงด้วย และหมั่นสังเกตหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มแล้วรักษาเพื่อไม่ให้ เชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้ เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆครั้ง และควรให้น้ำในช่วงเย็น และค่ำ เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลปริมาณน้ำให้สมดุลกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงหากขาดความสมดุลจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ระยะนี้อากาศแห้ง และน้ำระเหยมาก เกษตรกรที่ปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือน ควรเพิ่มความชื้น โดยนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่นหนอนชนิดต่างๆ ซึ่งจะกัดกินผลหรือขั้วผล ทำให้ผลร่วงหล่นเสียหาย รวมทั้งเก็บกวาดผลที่ร่วงหล่นไปทำลายให้ถูกวิธี เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรคและศัตรูพืช
  • ส่วนผู้ที่มีแหล่งน้ำเป็นของตนเองควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงหน้าแล้ง ก่อนฤดูฝนจะมาถึง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • สำหรับบริเวณที่มีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม
  • ส่วนบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำ เอาไว้เพื่อใช้ทางด้านการเกษตร และควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ
  • ระยะนี้อากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในอาคารบ้านเรือน และพื้นที่เพาะปลูก โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่ และดับไฟให้สนิททุกครั้ง หลังจากจุดไฟเพื่อใช้งานเสร็จแล้ว

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • สำหรับบริเวณที่มีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม
  • ส่วนบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำ เอาไว้เพื่อใช้ทางด้านการเกษตร และควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ
  • ระยะนี้อากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในอาคารบ้านเรือน และพื้นที่เพาะปลูก โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่ และดับไฟให้สนิททุกครั้ง หลังจากจุดไฟเพื่อใช้งานเสร็จแล้ว
  • อนึ่งในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค.คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน อาจมีกำลังแรง ชาวเรือและชาวประมงควรติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ