พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 21 มีนาคม 2555 - 27 มีนาคม 2555

ข่าวทั่วไป Thursday March 22, 2012 07:19 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 21 มีนาคม 2555 - 27 มีนาคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที 21-23 มี.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที 24-27 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้มีอากาศจมตัว ทำให้ควันไฟลอยตัวขึ้นข้างบนได้ยาก แต่จะแผ่ปกคลุมเป็นพื้นที่กว้าง ก่อให้เกิดภาวะมลพิษจากหมอกควันเพิ่มขึ้น เกษตรกรจึงควรหลีกเลี่ยงการเผา วัสดุกลางแจ้ง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  • ระหว่างวันที่ 24-27 มี.ค.จะมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับไม้ผล โดยผูกยึดลำต้นและค้ำยันกิ่งของไม้ผลให้แข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก และต้นโค่นล้ม

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที 21-22 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 23-27 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรดูแลอาคารบ้านเรือนและโรงเรือนเก็บผลผลิตทางการเกษตรและพืชผลทางการเกษตรให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหาย

-เนื่องจากช่วงนี้ในตอนกลางวันจะมีอากาศร้อนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรจัดหาน้ำดื่มที่สะอาดให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ และดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันสัตว์เครียดเนื่องจากสภาพอากาศร้อน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที 21-23 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 24-27 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายกับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูง ขณะมีฝนฟ้าคะนองและลมแรงโดยเฉพาะช่วงวันที่ 24-27 มี.ค.

-เนื่องจากช่วงนี้ในตอนกลางวันจะมีอากาศร้อนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรจัดหาน้ำดื่มที่สะอาดให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ และดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันสัตว์เครียดเนื่องจากสภาพอากาศร้อน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที 21-22 มี.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 23-27 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงตลอดช่วง เกษตรกรควรตรวจสอบอุปกรณ์ที่ผูกยึด และค้ำยันลำต้นและกิ่งของไม้ผลให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันต้นโค่นล้ม และกิ่งฉีกหัก

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที 21-23 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 24-27 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%
  • ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที 21-24 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%
  • สำหรับทางตอนบนของภาคจะมีฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น เช่น ผักและพืชไร่ชนิดต่างๆ จะได้รับผลกระทบจากสภาพความแห้งแล้งก่อนพืชชนิดอื่นๆ - สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักในช่วงวันที่ 24-27 มี.ค. เกษตรกรควรกักเก็บน้ำ เอาไว้เพื่อใช้ทางด้านการเกษตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ได้ให้ไว้ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกแล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ