พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 28 มีนาคม 2555 - 03 เมษายน 2555

ข่าวทั่วไป Friday March 30, 2012 07:55 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 28 มีนาคม 2555 - 03 เมษายน 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที 28-30 มี.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝน ฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที 31 มี.ค.-3 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-ในช่วงวันที่ 30 มี.ค.-1 เม.ย. จะมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยว และไม่ควรตากไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าว สำหรับชาวสวนผลไม้ควรตรวจสอบสภาพของวัสดุอุปกรณ์ที่ผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผล ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง

-ระยะนี้ปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักใว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืช ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆครั้ง หรือให้น้ำในช่วงเย็นและค่ำ เพื่อลดการระเหยของน้ำ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที 28-29 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30 มี.ค.-3 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-ในช่วงวันที่ 30 มี.ค.-3 เม.ย. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่ง หรือปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้ง ขณะมีฝนฟ้าคะนอง

-สำหรับเกษตรกรที่ต้องปฏิบัติงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ

-ระยะนี้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที 28-30 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที 31 มี.ค.-3 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-เนื่องจากระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนยังไม่เพียงพอและทั่วถึง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต

-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลจำนวนสัตว์น้ำ ที่เลี้ยงกับปริมาณน้ำให้เหมาะสม หากขาดความสมดุลจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวัง และป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก และอาคารบ้านเรือน ตลอดจน โรงเรือนต่างๆด้วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที 28-30 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที 31 มี.ค.-3 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

-ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณและการกระจายมีน้อย และยังไม่ทั่วถึง เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชควรรอให้ดิน มีความชื้นเพียงพอ หรือมีฝนตกสม่ำเสมอ แล้วค่อยลงมือปลูกเพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืชในระยะเจริญเติบโต

  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที 28-30 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที 31 มี.ค.-3 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%

-สำหรับทางตอนบนของภาคที่มีฝนน้อย เกษตรกรควร ให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างพอเพียง โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น

-ส่วนทางตอนล่างของภาค ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม

  • เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงหน้าแล้งน้ำในดินระเหยได้มาก ผู้ที่ปลูกไม้ผลควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆซึ่งมักระบาดในช่วงหน้าแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%

  • ส่วนทางตอนล่างของภาค ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม
  • เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงหน้าแล้งน้ำในดินระเหยได้มาก ผู้ที่ปลูกไม้ผลควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆซึ่งมักระบาดในช่วงหน้าแล้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ