ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 04 เมษายน 2555 - 10 เมษายน 2555
ภาคเหนือ
- ในช่วงวันที่ 4, 8-10 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 5- 7 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-75%
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตราย โดยไม่อยู่กลางแจ้งขณะเกิดพายุลมแรง เพราะอาจมีเศษวัสดุปลิวมาตกใส่ นอกจากนี้ควรตรวจซ่อมสิ่งปลูกสร้างให้แข็งแรง พร้อมทั้งผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิต ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันและลดความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ เกษตรกรไม่ควรนำผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้วออกตาก และควรกักเก็บน้ำฝนไว้เพื่อใช้ในช่วงแล้งในระยะต่อไป
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ในช่วงวันที่ 4, 7-8 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 5- 6, 9-10 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-75%
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่ง หรือปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้ง ขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง นอกจากนี้ควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรด้วย
- ฝนที่ตกในช่วงนี้จะส่งผลดีต่อพืชไร่และผักชนิดต่างๆที่กำลังเจริญเติบโต และควรกักเก็บน้ำฝนไว้เพื่อใช้ในช่วงแล้งในระยะต่อไป
ภาคกลาง
- ในช่วงวันที่ 4- 7 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 เม.ย.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-75%
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ป้ายโฆษณาสูง ๆ หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งตัดแต่งกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้บริเวณบ้าน เพื่อป้องกันและลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นขณะมีลมกระโชกแรง
- สำหรับฝนที่ตก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อยต่อไป
ภาคตะวันออก
- มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงและมีฝนตกหนักบางแห่ง ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรงเพื่อป้องกันกิ่งฉีกขาด นอกจากนี้เกษตรกรควรระวังผลผิตทางการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้งจะเปียกฝนเสียหายด้วย
- สำหรับฝนที่ตกจะเป็นผลดีต่อไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโต ทางผล นอกจากนี้เกษตรกรควรเก็บกักน้ำฝน สำรองไว้ และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ซึ่งอาจทำให้กิ่งหรือลำต้นของไม้ผลและไม้ยืนต้นชนิดต่างๆ หักหรือล้ม เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย สำหรับฝนที่ตกช่วงนี้จะเป็นผลดีต่อพืชผักที่กำลังเจริญเติบโต นอกจากนี้เกษตรกรควรเก็บกักน้ำฝน เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงแล้งต่อไป รวมทั้งระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งมักระบาดในช่วงที่ฝนตกชุก หากพบควรรีบกำจัด
- อนึ่ง ในช่วงนี้ทะเลจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-85%
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ชาวสวนควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและศัตรูพืชจำพวกหนอน นอกจากนี้ควรจัดทำทางระบายน้ำในแปลงปลูกพืชที่เป็นที่ลุ่มต่ำ พื่อป้องกันน้ำท่วมขังขณะมีฝนตกหนัก
- อนึ่ง ในช่วงนี้ทะเลจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74