ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 16 เมษายน 2555 - 22 เมษายน 2555
ภาคเหนือ
อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70% - ช่วงนี้สภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัด ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก รวมทั้งควรจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วยได้ - ฝนที่ตกในช่วงนี้ยังมีปริมาณไม่มาก เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืช และหมั่นตรวจแปลงปลูกพืช หากพบ ว่ามีศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยชนิดต่าง ๆ เข้าทำลาย ให้รีบป้องกันกำจัด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาคตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - ช่วงนี้จะมีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว ไม่ควรอยู่ในที่โล่งแจ้งและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงตลอดจนป้ายโฆษณาสูงๆ ขณะมีฝนฟ้าคะนองและลมแรง รวมทั้งตรวจซ่อมสิ่งปลูกสร้าง ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง - ฝนที่ตกในช่วงนี้จะส่งผลดีต่อพืชไร่และผักชนิดต่างๆที่กำลังเจริญเติบโต นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนไว้เพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย
ภาคกลาง
อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ช่วงนี้จะมีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว - สำหรับบริเวณที่มีอากาศร้อน เกษตรกรอาจใช้น้ำฉีดบนหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน หรือเพิ่มความชื้นในโรงเรือนโดยนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน รวมทั้งจัดหาน้ำกินให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ
ภาคตะวันออก
ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - ช่วงนี้จะมีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว ควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิตให้แข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก และต้นโค่นล้ม เมื่อมีลมแรง - ฝนที่ตกในช่วงนี้จะส่งผลดีต่อพืชไร่และผักชนิดต่างๆที่กำลังเจริญเติบโต และช่วยลดการระบาดของเพลี้ยชนิด ต่าง ๆลงได้ นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนเพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - ฝั่งตะวันออกช่วงนี้จะมีปริมาณและการกระจายของฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้น - ฝนที่ตกช่วงนี้จะเป็นผลดีกับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก และพืชที่กำลังเจริญเติบโต แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนที่จะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90% - ฝั่งตะวันตกช่วงนี้จะมีปริมาณและการกระจายของฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้น - สภาพอากาศมีความชื้นสูง อาจทำให้มีโรคพืชที่เกิดจาก เชื้อราระบาดในสวนยางพารา เกษตรกรควรระวังและป้องกัน นอกจากนี้ควรจัดทำทางระบายน้ำเพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมขังขณะมีฝนตกหนักติดต่อกัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74