ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 18 เมษายน 2555 - 24 เมษายน 2555
ภาคเหนือ
- อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-42 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 18-21 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 22-24 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงกับมีลูกเห็บบางแห่ง ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
- ช่วงนี้มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมปริมาณน้ำให้เหมาะสม และลดปริมาณการให้อาหาร โดยเฉพาะอาหารสด เพื่อป้องกันน้ำในบ่อเน่าเสีย
- ฝนที่ตกในช่วงนี้จะเป็นฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เกษตรกรควรระวัง ส่วนฝนที่ตกยังมีปริมาณไม่มาก เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมแก่พืชในตอนเช้าหรือเย็น ช่วงที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไปและหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบศัตรูพืชเข้าทำลาย โดยเฉพาะเพลี้ยชนิดต่าง ๆ ให้รีบป้องกันกำจัด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 18-20 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 21-24 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงกับมีลูกเห็บบางแห่ง ลมตะวันออก เฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ช่วงนี้จะมีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว ตรวจซ่อมสิ่งปลูกสร้าง ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง และไม่อยู่ในที่โล่งแจ้ง ตลอดจนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ป้ายโฆษณาสูงๆ ขณะมีฝนฟ้าคะนองและลมแรง
- ฝนที่ตกในช่วงนี้ จะช่วยลดการระบาดของเพลี้ยชนิดต่าง ๆ ลงได้ นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนเพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย
ภาคกลาง
- อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 18-21 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนอง บางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 22-24 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงกับมีลูกเห็บบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- ช่วงนี้จะมีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับบริเวณที่มีอากาศร้อนและแสงแดดจัด เกษตรกรที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งควรสวมเสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดด และไม่ควรอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะร่างกายจะเสียเหงื่อมากอาจเกิดภาวะขาดน้ำได้ นอกจากนี้ควรจัดหาน้ำดื่มให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอด้วย
ภาคตะวันออก
- ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 18-20 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงกับมีลูกเห็บบางแห่งในช่วงวันที่ 21-24 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ช่วงนี้จะมีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิต อาจผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลที่ให้ผลผลิตมากให้แข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก และต้นโค่นล้ม เมื่อมีลมแรง
- สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้จะส่งผลดีต่อพืชไร่และผักชนิดต่างๆที่กำลังเจริญเติบโต และช่วยลดการระบาดของเพลี้ยชนิดต่าง ๆลงได้ อย่างไรก็ตามเกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนเพื่อไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ทางตอนบนของภาคอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ช่วงนี้มีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว ตรวจซ่อมสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ขณะมีฝนฟ้าคะนองและลมแรง เพราะอาจมีเศษวัสดุปลิวมาตกใส่
- ฝนที่ตกช่วงนี้ทำให้สภาพอากาศชื้นอาจทำให้มีหนอนชนิดต่าง ๆ เข้าทำลายกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
- ช่วงนี้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูก โดยจัดทำทางระบายน้ำ รวมทั้งขุดลอกคูคลองอย่าให้ตื้นเขิน
- สำหรับชาวสวนยางไม่ควรกรีดยางในวันที่มีฝนตก เพราะจะทำให้น้ำยางที่ได้เสียหาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74