ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 11 มิถุนายน 2555 - 17 มิถุนายน 2555
ภาคเหนือ
- ในช่วงวันที่ 11-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %
- ในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. จะมีฝนตกชุกหนาแน่น อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน และพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งเตรียมพื้นที่สำหรับอพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง
- สภาพอากาศมีความชื้นสูง อาจเกิดโรคพืชจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคไหม้ในข้าว เกษตรกรจึงควรหมั่นสำรวจแปลงนา หากพบโรคดังกล่าวควรรีบกำจัด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ในช่วงวันที่ 11-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- ในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น เกษตรกรทางตอนบนของภาคที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
- เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทาน โดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค ควรกักเก็บน้ำฝนเอาไว้ใช้ในระยะที่มีฝนน้อย
ภาคกลาง
- ในช่วงวันที่ 11-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
-ระยะนี้มีฝนตกชุก เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ รวมทั้งดูแลโรงเรือนไม่ให้ฝนสาดเข้าไปได้ เพราะจะทำให้สัตว์เจ็บป่วยได้ง่าย
- สภาพอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกพืชผักควรป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุด โรคราน้ำค้าง และโรคแอนแทรกโนส เป็นต้น
ภาคตะวันออก
- ในช่วงวันที่ 11-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำ ทำคันดิน หรือยกร่องแปลงปลูกให้สูง เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน
- ระยะนี้อ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 11-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 11-12, 15-17 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- ในช่วงวันที่ 15-17 มิ.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น พื้นที่การเกษตรในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดทำทางระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
- สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพารา ควรป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ระยะนี้บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74