ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 04 กรกฎาคม 2555 - 10 กรกฎาคม 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 4—6 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณตอนบน และด้านตะวันออกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- สำหรับ เกษตรกรที่ตัดแต่งกิ่งไม้ผลในระยะนี้ ควร ทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา
-ส่วนพืชไร่ที่ปลูกในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นชะงัก การเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
- อนึ่ง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ เพราะทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณด้านตะวันออก และตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 7- 10 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนอย่าให้รั่วซึม เพราะจะทำให้สัตว์เปียกชื้น อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
- ส่วนข้าวนาปี ที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกตั๊กแตน ซึ่งจะกัดกินต้นข้าว ทำให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโต
- อนึ่ง ผู้ที่ปลูกพืชรุ่นใหม่ควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 4- 6 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ในช่วงฤดูฝนแมลงศัตรูสัตว์จะเจริญเติบโตได้ดี เกษตรกรควรระวังและป้องกันแมลงศัตรูสัตว์มารบกวนสัตว์เลี้ยง
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรเตรียมทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งจัดเตรียมวัสดุสำหรับกั้นน้ำ และอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรยกพื้นคอกสัตว์ให้สูง รวมทั้งดูแลหลังคาโรงเรือนอย่าให้มีรอยรั่วซึม
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
- ส่วนสวนผลไม้ ระยะนี้เกษตรกรควร ดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งเก็บกวาดวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และผลที่เน่าเสียร่วงหล่นไปกำจัดเพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช
- ระยะนี้บริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และในช่วงวันที่ 4- 6 ก.ค. มีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เกษตรกรไม่ควรปล่อยผลที่เน่าเสียและร่วงหล่น ไว้ในสวน แต่ควรเก็บกวาดไปกำจัด เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตของโรคและศัตรูพืช
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรดูแลบริเวณสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และในช่วงวันที่ 4- 6 ก.ค. มีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรดูแลบริเวณสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ระยะนี้ บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74