ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 15 สิงหาคม 2555 - 21 สิงหาคม 2555
ภาคเหนือ
- มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 15-17 ส.ค. มีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- ในช่วงวันที่ 15-17 ส.ค. จะมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและเตรียมป้องกันความเสียหายจากฝนตกหนัก
- สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งและทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา รวมทั้งควรกำจัดเปลือกและผลที่เน่าเสีย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 15-17 ส.ค. มีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
- ในช่วงวันที่ 15-17 ส.ค. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง นอกจากนี้ควรดูแลสัตว์เลี้ยงมิให้อยู่ในที่ชื้นแฉะ และดูแลโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเดินย่ำน้ำที่สกปรก หากมีความจำเป็นควรสวมรองเท้าบูท เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู
ภาคกลาง
- ในช่วงวันที่ 15-19 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 20-21 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-90%
- ในช่วงวันที่ 15-19 ส.ค. ทางด้านตะวันตกของภาคจะมีฝนตกหนักบางแห่ง พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังเมื่อมีฝนตกหนัก ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรซ่อมแซมโรงเรือนให้แข็งแรง ตรวจซ่อมหลังคาอย่าให้รั่วซึม และทำแผงกำบังฝน เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้น ซึ่งจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
- ในช่วงวันที่ 15-19 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20-21 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- ในช่วงวันที่ 15-19 ส.ค. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วชาวสวนควรตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นบริเวณทรงพุ่ม และทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก เฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
- ระหว่างวันที่ 5-14 ส.ค. 55 ที่ผ่านมาพบว่าความชื้นที่เป็นประโยชน์ต่อพืชบริเวณภาคใต้ลดลงมาก ยกเว้นทางตอนล่างบริเวณจังหวัดยะลาและนราธิวาส และช่วงนี้ภาคใต้จะยังคงมีฝนตกน้อยต่อไปอีก เกษตรกรจึงควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่มีระบบรากตื้นอย่างเหมาะสม
- ส่วนชาวสวนที่เก็บเกี่ยวผลผลิตของไม้ผลเสร็จแล้วควรทำการตัดแต่งกิ่งให้โปร่งและเก็บผลที่ร่วงหล่นบริเวณโคนต้นไปทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลง
- สำหรับสัตว์น้ำ เกษตรกรควรจัดทำร่มเงา เพื่อให้สัตว์เข้าพัก ลดการระเหยน้ำ และเป็นการรักษาปริมาณน้ำในบ่อเลี้ยง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 15-19 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 20-21 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
- คำนำทางการเกษตร รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74