ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 07 กันยายน 2555 - 13 กันยายน 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 80-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชมความชื้นสัมพัทธ์ 85-95% - ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกษตรกรที่อาศัยอยู่ที่ราบลุ่มและพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโดยเฉพาะบริเวณตอนล่างของภาคควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางเกษตร - ในช่วงที่มีฝนตกชุก สภาพอากาศชื้น เกษตรกรควรป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ พืชผัก และไม้ดอก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชมความชื้นสัมพัทธ์ 85-95% - ระยะนี้จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรจากสภาวะดังกล่าวด้วย - สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังความเสียหายเนื่องจากฝนที่ตกหนักจะทำให้อุณหภูมิและสภาพน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทัน จะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 80-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 85-95% - ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. มีฝนตกหนักถึงหนักมาก พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำขัง - สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเตรียมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับกั้นขอบบ่อเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดสภาวะน้ำท่วม
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 85-95% - ช่วงนี้จะมีฝนตกชุกหนาแน่น เกษตรกรในพื้นที่ เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางเกษตร - สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย - อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. ชาวเรือและชาวประมงบริเวณอ่าวไทยตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 7-9 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 10-13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - สำหรับบริเวณซึ่งมีฝนตกน้อยโดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอเพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90% - สำหรับในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกันโดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางเกษตร - ในช่วงที่มีฝนตกชุก ชาวสวนยางพาราควรระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นในสวน - อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. ชาวเรือและชาวประมงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74