พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 12 กันยายน 2555 - 18 กันยายน 2555

ข่าวทั่วไป Friday September 14, 2012 07:20 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 12 กันยายน 2555 - 18 กันยายน 2555

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 13-14 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%

-ในช่วงที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนกาแฟควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ใบและต้นเสียหายได้ โดยดูแลบริเวณสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันความชื้นสะสมในสวน

-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ เพราะจะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรค ได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ

-ในช่วงฤดูฝนแมลงศัตรูสัตว์จะเจริญเติบโตได้ดี เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูสัตว์ดังกล่าวเพื่อไม่ให้มารบกวนสัตว์เลี้ยง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 13-14 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%

  • สำหรับข้าวนาปี ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นข้าวเสียหายผลผลิตลดลง
  • ส่วนพื้นที่ซึ่งมีน้ำท่วมขังเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคฉี่หนู โดยหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่สกปรก หากมีความจำเป็นควรสวมรองเท้าบูท
  • ในช่วงที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของหอยเชอรี่ที่มากับน้ำ โดยใช้ตาข่ายดักบริเวณทางน้ำไหลเข้านา แล้วจับหอยไปทำลาย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 13-14 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 80-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%

  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเกิน 7 วัน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นตายได้
  • ส่วนพื้นที่ซึ่งมีน้ำท่วม เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคตาแดง และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
  • อนึ่ง 0ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย หากโตได้ขนาดควรรีบทยอยจับขายไปก่อน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 13-14 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 80-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%

-สำหรับสวนผลไม้ที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในสวน ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา นอกจากนี้ไม่ควรกองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไว้ในสวน เพราะจะเป็นแหล่งอาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช

  • สำหรับชาวสวนยางพาราควรดูแลสวน ให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง เช่นโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคหน้ากรีดยาง เป็นต้น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 13-14 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

  • ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ควรเฝ้าระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเตรียมพื้นที่สำหรับอพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง และเตรียมอาหารและน้ำกินสำหรับสัตว์เอาไว้ให้พร้อม
  • ระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้นมากกว่าระยะที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล รวมทั้งลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 15 -18 ก.ย. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งทางตอนบนของภาคโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 15-18 ก.ย. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียสในช่วงวันที่ 12-14 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%

  • ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ควรเฝ้าระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเตรียมพื้นที่สำหรับอพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง และเตรียมอาหารและน้ำกินสำหรับสัตว์เอาไว้ให้พร้อม
  • ส่วนทางฝั่งตะวันตกซึ่งมีฝนตกชุก เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก และระวังป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชสวนและพืชผัก
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 15 -18 ก.ย. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ