ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 19 กันยายน 2555 - 25 กันยายน 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 19-23 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างและตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 75 - 85%
- ในระยะนี้แม้จะยังมีฝนแต่ปริมาณจะลดลงกว่าในระยะที่ผ่านมาโดยเฉพาะทางตอนบนสุดของภาค เกษตรกรควร กักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตรเนื่องจากในระยะต่อไปปริมาณฝนจะเริ่มลดลง
- สำหรับในระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูหนาว เกษตรกรควรเตรียมจัดหาวัสดุอุปกรณ์สำหรับให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ
- ส่วนชาวสวนมะขามหวานควรระวังและป้องกันโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะราแป้งซึ่งมักระบาดในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 19-23 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 75 - 85%
- ระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง พื้นที่การเกษตรที่อยู่ นอกเขตชลประทานโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนน้อย
- เนื่องจากในระยะนี้ดินยังมีความชื้น เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงปลายฤดูฝน ควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา
- ส่วนระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูหนาว เกษตรกรควรจัดหาวัสดุสำหรับเพิ่มความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงในโรงเรือนและอุปกรณ์กันหนาวสำหรับตนเองเอาไว้ให้พร้อม
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง เว้นแต่ในช่วงวันที่ 21-22 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวนความเร็ว 15-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 21-22 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- ในช่วงนี้ยังคงมีฝนตกชุก เกษตรกรควรดูแลโรงเรือน เลี้ยงสัตว์อย่าให้หลังคามีรอยรั่วซึมเพราะจะทำให้สัตว์ เปียกชื้นอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับพืชสวนในระยะนี้ เกษตรกรควรดูแลบริเวณ แปลงปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเพราะ จะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้
- สำหรับพื้นที่ซึ่งยังคงมีน้ำท่วม เกษตรกรควรระวังและป้องกันสัตว์มีพิษที่มากับน้ำเอาไว้ด้วย
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งตลอดช่วง เว้นแต่ในช่วงวันที่ 21-22 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 19-20 ก.ย.และ วันที่ 21-22 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพืชไร่ ไม้ผล และพืชสวน
- ส่วนชาวสวนผลไม้ที่ตัดแต่งกิ่งในระยะปลายฤดูฝนควร ทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช ซึ่งจะเป็นสาเหตุของ โรคพืชที่เกิด จากเชื้อรา
- อนึ่งในช่วงวันที่ 23 -25 ก.ย. บริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 19-22 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70 - 80%
-ในระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ทางตอนบนของภาค ส่วนทางฝั่งตะวันตกซึ่งมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหาย จากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันออก เนื่องจากในระยะต่อไปจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรเตรียมขุดลอกคูคลองและทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก
- อนึ่งในช่วงวันที่ 23 -25 ก.ย. บริเวณทะเลอันดามันและ อ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณ ที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 19-22 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเล มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
-ในระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ทางตอนบนของภาค ส่วนทางฝั่งตะวันตกซึ่งมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหาย จากสภาวะดังกล่าว
- ส่วนทางฝั่งตะวันตกระยะนี้ปริมาณฝนจะมากขึ้น ซึ่งจะ ทำให้มีความชื้นสูง เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้น ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- อนึ่งในช่วงวันที่ 23 -25 ก.ย. บริเวณทะเลอันดามันและ อ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณ ที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74