ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 26 กันยายน 2555 - 02 ตุลาคม 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 26-28 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.ย.-2 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝน สภาพอากาศจะแปรปรวนเกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
- เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง สำหรับเกษตรกร ที่มีแหล่งเก็บน้ำเป็นของตัวเองควรกักเก็บน้ำเอาใว้ใช้ทางด้านการเกษตรด้วย
- สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะฟักตัวเพื่อแตกตาดอก เกษตรกรควรงดให้น้ำและดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- ส่วนทางตอนล่างของภาคซึ่งยังคงมีน้ำท่วม เกษตรกร ควรระวังโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง และโรคตาแดงไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 26-27 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 28 ก.ย.- 2 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ในระยะนี้ทางตอนบนของภาคปริมาณฝนจะเริ่มลดลงเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงปลายฤดูฝนควรเก็บกักน้ำสำรองเอาไว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโตเพราะหากพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง
- ส่วนทางตอนล่างของภาคที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง เกษตรกร ควรระวังโรคเล็ปโตสไปโรซิส หรือโรคฉี่หนู โดยหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่สกปรกหากมีความจำเป็นควรสวมรองเท้าบู้ท
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเพราะจะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26-29 ก.ย.อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียสลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- ในระยะนี้ยังคงมีฝนตกชุก เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งเคยมีประวัติน้ำท่วมซ้ำซาก ควรเฝ้าระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะฝนตกหนัก
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ปีกในระยะนี้ควรดูแลโรงรือนให้ถูกสุขลักษณะ ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันและเจ็บป่วยได้ง่าย
- สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกและจัดเตรียมวัสดุสำหรับ กั้นน้ำ รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน
- ส่วนพื้นที่ซึ่งยังคงมีน้ำท่วม เกษตรกรควรระวังอันตราย จากสัตว์มีพิษที่มากับน้ำไว้ด้วย
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรติดตามเฝ้าระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะฝนตกหนัก
- สำหรับสวนผลไม้ที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้ น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนานเกิน 7 วัน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้
- ส่วนชาวสวนยางพารา เนื่องจากระยะนี้ฝนตกชุกเกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคหน้ากรีดยางซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75 - 85%
- สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งเคยมีประวัติน้ำท่วมมาก่อน ควรระวังอัตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- ในระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในไม้ผลและพืชผัก
- ส่วนชาวสวนกาแฟในควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเท ได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในสวนซึ่งเป็นสาเหตุของโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อรา
- บริเวณซึ่งมีฝนตกชุก เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
- อนึ่ง ในช่วงวันที่ 26 ก.ย.- 2 ต.ค.บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนตกจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมง ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งเคยมีประวัติน้ำท่วมมาก่อน ควรระวังอัตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- ส่วนชาวสวนกาแฟในควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเท ได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในสวนซึ่งเป็นสาเหตุของโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อรา
- บริเวณซึ่งมีฝนตกชุก เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
- อนึ่ง ในช่วงวันที่ 26 ก.ย.- 2 ต.ค.บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนตกจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมง ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74