ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 01 ตุลาคม 2555 - 07 ตุลาคม 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 1-4 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ ส่วนมาก ทางตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม ส่วนในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
-ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝน สภาพอากาศจะแปรปรวน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
-สำหรับชาวสวนกาแฟควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งเก็บกวาดใบและกิ่งที่ร่วงหล่นไปกำจัดให้ถูกวิธี
-เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูหนาว เกษตรกรควรเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับกันหนาวและให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงเอาไว้ให้พร้อม
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 1-4 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม ส่วนในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
-ในช่วงปลายฤดูฝนสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
-สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง
- สำหรับทางตอนล่างของภาคซึ่งยังคงมีฝนตก เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเพราะจะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 1-5 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 80-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ เสี่ยงภัยซึ่งเคยมีน้ำท่วมมาก่อนควรเฝ้าระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งเตรียมวัสดุสำหรับกั้นน้ำ และอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน
-สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเตรียมพื้นที่สำหรับอพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง และจัดเตรียมอาหารและน้ำกินสำหรับสัตว์เอาไว้ให้พร้อม
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 1-5 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหาย จากสภาวะดังกล่าว
-สำหรับสวนผลไม้ที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตาย รวมทั้งไม่ควรกองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไว้ในสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช
-ในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค.บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 1-5 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบน ของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80 - 90%
- สำหรับในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ ในพื้นที่เสียงภัย ซึ่งเคยมีประวัติน้ำท่วมมาก่อน ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากสภาวะดังกล่าว
- ระยะต่อไปทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นฤดูฝน เกษตรกรควรขุดลอกคูคลอง และทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
-อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค.คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 1-5 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปถึงทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-95%
- สำหรับในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ ในพื้นที่เสียงภัย ซึ่งเคยมีประวัติน้ำท่วมมาก่อน ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากสภาวะดังกล่าว
-ส่วนทางฝั่งตะวันตกซึ่งมีฝนตกชุก เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวนซึ่งมักระบาดในช่วงที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน
-อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค.คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74