ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 29 ตุลาคม 2555 - 04 พฤศจิกายน 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 29 ต.ค.-1 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-4 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- ในช่วงวันที่ 29 ต.ค. — 1 พ.ย. จะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้ง สำหรับผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะควรเพิ่มความระมัดระวังขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา
- ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กหากปรับตัวไม่ทันจะเจ็บป่วยได้ง่าย
- ส่วนเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 29-31 ต.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 1- 4 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- ในช่วงวันที่ 29-31 ต.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมแรง เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทิ้งไว้กลางแจ้ง
- ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณฝนที่ตกจะไม่เพียงพอกับข้าวนาปีที่กำลังออกรวง ชาวนาควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่ข้าวอย่างเพียงพอ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 29-30 ต.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา โดยมีฝนเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- เนื่องจากฝนที่ตกในระยะนี้มีไม่มาก เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากพืช
- เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งนี้ ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพให้เพียงพอตลอดช่วงแล้ง
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 29-30 ต.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. อากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา โดยมีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง ควรกักเก็บสำรองน้ำและวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
- สำหรับทางตอนบนของภาค บริเวณที่ไม่มีฝนหรือมีฝนตกน้อย เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อสงวนความชื้นในดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 29-30 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
- ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 29-30 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. — 4 พ.ย. ทางฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะฝนตกหนัก
- เนื่องจากระยะต่อไปทางฝั่งตะวันออกจะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกต่อเนื่อง เกษตรกรควรจัดทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช เมื่อมีฝนตกหนัก ซึ่งจะเป็นสาเหตุของโรครากเน่าและโคนเน่า
- ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. — 4 พ.ย. คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74