พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 31 ตุลาคม 2555 - 06 พฤศจิกายน 2555

ข่าวทั่วไป Thursday November 1, 2012 07:12 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 31 ตุลาคม 2555 - 06 พฤศจิกายน 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. อากาศเย็น และมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 พ.ย. อุณหภูมิ จะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

-ระยะนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน

-เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

-ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะพักตัว เพื่อเตรียมแตกตาดอกในระยะต่อไป เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดเช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ส่งผลให้การแตกตาดอกลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 1-6 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 -17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับระยะต่อไปอุณหภูมิต่ำสุดจะลดลง เกษตรกรควรจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับกันหนาว และวัสดุสำหรับให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยง
  • ในช่วงนี้ เกษตรกรควรคลุมพื้นที่เพาะปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม ส่วนในช่วงวันที่ 1- 6 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาค อากาศเย็นในตอนเช้า และมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-ระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณไม่มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้ผลผลิตสูญเสียโดยสิ้นเชิง

  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 2- 6 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณ และการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

-สำหรับระยะต่อไปสภาพอากาศจะแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม

-ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%

  • เนื่องจากระยะต่อไปภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกชุก ชาวสวนผลไม้ควรดูแลบริเวณโคนต้นพืชให้โล่งเตียน และหลีกเลี่ยงการกองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไว้บริเวณโคนต้นพืช เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
  • ในช่วงวันที่ 1 — 6พ.ย. คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกในวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

-ส่วนทางฝั่งตะวันตกซึ่งยังคงมีฝนตกชุก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา หากพบควรรีบควบคุมโรค เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังต้นอื่นๆ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ