พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 09 พฤศจิกายน 2555 - 15 พฤศจิกายน 2555

ข่าวทั่วไป Monday November 12, 2012 07:13 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 09 พฤศจิกายน 2555 - 15 พฤศจิกายน 2555

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาด้วย
  • สำหรับข้าวนาปีที่กำลังออกรวงชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ผลผลิตเสียหายได้
  • ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. จะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เปียกชื้นและเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้การกระจายไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อข้าวนาปีที่กำลังออกรวง เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่ข้าว

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ช่วงนี้อากาศเริ่มแห้งอาจมีศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยระบาดทำลายพืชไร่และพืชผัก ทำให้ผลผลิตเสียหายได้ เกษตรกรจึงควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชดังกล่าว
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณไม่มาก เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืช รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงเพาะปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าวและหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นในดิน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • บริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงแล้งด้วย
  • สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชรุ่นใหม่ในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยและมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%
  • ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. จะมีฝนตกชุกและฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางฝั่งตะวันออก เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากฝนตกหนัก สำหรับบริเวณที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช
  • ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ และโรคใบยางร่วง เป็นต้น
  • ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ