พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 12 พฤศจิกายน 2555 - 18 พฤศจิกายน 2555

ข่าวทั่วไป Tuesday November 13, 2012 07:15 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 12 พฤศจิกายน 2555 - 18 พฤศจิกายน 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • เนื่องจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ระยะต่อไปอุณหภูมิต่ำสุดจะลดลง เกษตรกรควรจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับกันหนาว และให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงเอาไว้ให้พร้อม
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์อ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย

ภาคกลาง

มีหมอกบางในตอนเช้าในช่วงวันที่ 12-13 พ.ย. และ 16-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ส่วนในช่วงวันที่ 14-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้บางพื้นที่ปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และใช้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง เพื่อลดการการระเหยของน้ำ
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อ ควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์ที่เลี้ยงหากขาดความสมดุลจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตรด้วย

ภาคตะวันออก

มีหมอกบางในตอนเช้าในช่วงวันที่ 12-13 และ 16-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ ส่วนในวันที่ 14-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

-เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำที่เก็บกักใว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

  • สำหรับผู้ที่ปลูกพืชสวน ไม่ควรกองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไว้ในแปลงเพาะปลูกเพราะจะเป็นแหล่งอาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืชโดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 12-13 และ 16-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 14-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%

-ในช่วงวันที่ 12-13 และ 16-18 พ.ย. จะมีฝนตกหนักมาก เกษตรกรควรติดตามเฝ้าระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว

  • ทางฝั่งตะวันออก ปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรขุดลอกคูคลอง และทางระบายน้ำอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังพื้นที่เพาะปลูก เมื่อมีฝนตกหนัก
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่12-13 พ.ย. และ วันที่ 16-18 พ.ย. บริเวณอ่าวไทยจะมี คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 12-13 และ 16-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 15-16 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%

-ในช่วงวันที่ 12-13 และ 16-18 พ.ย. จะมีฝนตกหนักมาก เกษตรกรควรติดตามเฝ้าระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว

  • ส่วนทางฝั่งตะวันตก ซึ่งยังคงมีฝน เกษตรกรควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ