พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 03 ธันวาคม 2555 - 09 ธันวาคม 2555

ข่าวทั่วไป Tuesday December 4, 2012 07:15 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 03 ธันวาคม 2555 - 09 ธันวาคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 3-4 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอย อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-19 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

-ในช่วงวันที่ 3-4 ธ.ค.จะมีหมอกและน้ำค้าง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

-สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชผักในระยะนี้ควรระวัง และป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา หากพบต้นที่เป็นโรคควรรีบกำจัด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่นๆ

-ส่วนเกษตรกรที่มีแหล่งเก็บน้ำเป็นของตนเองควรใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

-ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แขงแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 3-4 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-21 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • เนื่องจากปริมาณฝนที่มีน้อยประกอบกับปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน
  • เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง

-ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แขงแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 3-4 ธ.ค. มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่มีระยะการเก็บเกี่ยวสั้น และใช้น้ำน้อย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืชในระยะเจริญเติบโต
  • ส่วนผู้ที่มีแหล่งน้ำเป็นของตนเองควรใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง หรือให้น้ำในช่วงเย็นหรือค่ำ เพื่อลดการระเหยของน้ำ

-ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แขงแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 3-4 ธ.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกร ควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงหน้าแล้ง
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเตรียมแทงช่อดอก เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน รวมทั้งเป็นการป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราด้วย

-ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แขงแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 3- 4 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%

  • เนื่องจากระยะที่ผ่านมามีฝนตกชุก เกษตรกรควรระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเกิน 7 วันเพราะอาจทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้

-ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะเจาะทำลายผลโดยเฉพาะผลที่อยู่ติดกันหากพบควรรีบกำจัดก่อนจะระบาดไปสู่ผลอื่นๆ

-นอกจากนี้ผู้ที่ปลูกพืชสวนควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีฝนตกชุก สภาพอากาศมีความชื้นสูง

-ในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 3- 4 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90%

  • เนื่องจากระยะที่ผ่านมามีฝนตกชุก เกษตรกรควรระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเกิน 7 วันเพราะอาจทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้
  • นอกจากนี้ผู้ที่ปลูกพืชสวนควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีฝนตกชุก สภาพอากาศมีความชื้นสูง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ