ระหว่าง 12 ธันวาคม 2555 - 18 ธันวาคม 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 14-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ ของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรค ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
- ระยะนี้จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืนเพราะอาจเปียกชื้นเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้
- เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ชาวสวนยางพารา ควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในสวน หากมีความจำเป็น ควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- สภาพอากาศที่หนาวเย็นในระยะนี้ เกษตรกรควรรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวควรดูแลสุขภาพ เป็นพิเศษ
- ระยะนี้สภาพอากาศแห้งทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน
- สำหรับผู้ที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง เมื่อใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
ภาคกลาง
มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
- ระยะนี้เกษตรกรควรใช้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในตอนเย็นและค่ำเพื่อลด การระเหยของน้ำ
- ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกร ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
- ช่วงนี้มีฝนตกแต่ปริมาณน้อย เกษตรกรที่มีแหล่งเก็บน้ำ เป็นของตนเอง ควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อ จะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง
- ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเตรียมแทงช่อดอก เกษตรกรควรดูแลสวนให้โล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- นอกจากนี้พื้นที่ซึ่งมีฝนน้อยโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ทำให้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดไว้ด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับผู้ที่ปลูกพืชสวนระยะนี้สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า ในยางพารา โรครากเน่า โคนเน่าในไม้ผล เป็นต้น
- สำหรับในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค.บริเวณอ่าวไทยตอนล่าง จะมีคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตรบริเวณฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมง ควรเดินเรือ ด้วย ความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
- ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับผู้ที่ปลูกพืชสวนระยะนี้สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า ในยางพารา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74