พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 14 ธันวาคม 2555 - 20 ธันวาคม 2555

ข่าวทั่วไป Monday December 17, 2012 07:16 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 14 ธันวาคม 2555 - 20 ธันวาคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. มีหมอกในตอนเช้า กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-15 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 3-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ในระยะนี้สภาพอากาศหนาวเย็นผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรรักษาอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

-ในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค.บริเวณเทือกเขาและ ยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร

  • สำหรับสภาพอากาศเย็นและแห้ง เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ ไม้ดอก และไม้ผล ควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันพืชขาดน้ำ ทำให้ต้นทรุดโทรมได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาว กับมี ลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวและเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้แก่สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารลงจากปกติ เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย เศษอาหารที่เหลือสะสมอาจจะทำให้น้ำเน่าเสีย
  • ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ต้นทรุดโทรมได้
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกร ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศเย็นทางตอนบนของภาค โดยมีฝนบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ในระยะต่อไปปริมาณฝนลดลง เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
  • สำหรับชาวสวนผลไม้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 14-15 และ 19-20 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ในช่วงวันที่ 14-15 และ 19-20 ธ.ค. ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป จะมีฝนตกหนัก เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ระยะนี้บางช่วงมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองและทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังพื้นที่เพาะปลูก
  • ในช่วงที่มีความชื้นสูงโดยเฉพาะทางตอนท่างของภาค ผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 14-15 และ 19-20 ธ.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ในช่วงวันที่ 14-15 และ 19-20 ธ.ค. ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป จะมีฝนตกหนัก เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ระยะนี้บางช่วงมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองและทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังพื้นที่เพาะปลูก
  • ในช่วงที่มีความชื้นสูงโดยเฉพาะทางตอนท่างของภาค ผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ